รีวิว Transformers Rise of the Beasts (2023)
สิ้นสุดการรอคอยกันแล้วกับการกลับมาของหนังฟอร์มยักษ์ ที่ทุกคนต่างรอคอยอย่าง Transformers Rise of the Beasts หรือ ทรานส์ฟอร์เมอร์ส: กำเนิดจักรกลอสูร ซึ่งในภาคนี้มีหุ่นยนต์มาให้เราได้ตื่นเต้น ตื่นตา ตื่นใจ แบบหลากหลายกันเลยทีเดียว ว่ากันด้วยเรื่องราวของ ออโต้บ๊อตที่ต้องร่วมมือกับแม็กซิมัล เพื่อต่อสู้กับผู้ที่เข้ามาบุกรุกใหม่
ในภาคนี้ได้นักแสดงนำอย่างโดมินิก ฟิชแบ็ค และ ลอเรน เวเรซ มารับบทนำในตัวละครที่เป็นมนุษย์อีกด้วย สำหรับ เรื่องราวในหนังเรื่องนี้จะดำเนินไปเช่นไร จะสนุก และน่ารับชมแค่ไหน ไปติดตามต่อในรีวิวหนังแอ๊คชั่นฝรั่งจากทางเราได้เลยค่ะ และท่านผู้อ่านสามารถรับชมหนังเรื่องเต็มได้ทาง doonungvip.com เว็บดูหนังออนไลน์เต็มเรื่อง เราคัดสรรหนังแอ๊คชั่นสดใหม่ มาให้ชมกันอย่างต่อเนื่อง ความละเอียดระดับ 4K เชิญรับชมได้เลยค่ะ
เรื่องย่อ
เรื่องราวของหนังเริ่มต้นในปี 1994 หลังจากเหตุการณ์ใน Bumblebee ประมาณ 7 ปี ณ เมืองบรูกลิน นิวยอร์ก อดีตพลทหารหนุ่มเชื้อสายลาติน โนอาห์ ดิแอซ (Anthony Ramos) ที่เริ่มต้นการตามหางานเพื่อช่วยเหลือแม่ บรีนนา ดิแอซ (Luna Lauren Velez) และน้องชาย คริส ดิแอซ (Dean Scott) แต่กลับไม่มีใครรับเขาเข้าทำงาน
ในหนึ่งวันโชคชะตาพาโอกาสมาให้ ทำให้เขาได้พบกับ มิราจ (Pete Davidson) รถยนต์ Porsche 964 Carrera RS 3.8 สีเงินคาดแถบน้ำเงินที่เป็นหนึ่งในหุ่นรบออโตบอตที่กบดานอยู่บนโลก รวมถึง ออปติมัส ไพร์ม์ (Peter Cullen) หุ่นรบที่เป็นหัวรถบรรทุกหัวลาก Freightliner FLA ปี 1987 ที่เป็นหัวหน้าของกลุ่ม อาร์ซี (Liza Koshy) รวมไปถึงหุ่นรบสาวซิ่ง Ducati 916 และตะน้อนบัมเบิลบี Chevrolet Camaro สีเหลือง-ดำคนดีคนเดิม ที่กำลังหาทางกลับสู่ดาวไซเบอร์ทรอน
ในเวลาเดียวกัน เอเลนา วอลเลซ (Dominique Fishback) นักโบราณคดีสาวที่ทำงานในพิพิธภัณฑ์โบราณคดี มีการค้นพบเบาะแสบางอย่างที่นำพาไปสู่สิ่งที่มีค่ามาก เรียกว่า ทรานสวอป คีย์ (Transwarp Key) ซึ่งเป็นกุญแจที่สามารถพาไปยังมิติต่างๆ ในจักรวาลได้ ออโตบอตเองก็ต้องการที่จะครอบครองกุญแจนี้ เพื่อนำเขากลับสู่ดาวไซเบอร์ทรอน
แต่ในขณะเดียวกันฝ่ายเทอร์เรอร์คอนส์ ซึ่งเป็นฝ่ายชั่วร้าย ก็ได้รู้ในการมีอยู่ของ ทรานสวอป คีย์ และมีแผนที่จะนำมันไปใช้ในเปิดทางเดินสู่มิติอื่นๆ เพื่อให้ยูนิครอน (Coleman Domingo) ซึ่งเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีขนาดใหญ่มหึมา สามารถที่จะกินดาวทั่วจักรวาลได้ ด้วยเหตุนี้เขาจึงส่งสเกิร์จ (Peter Dinklage) ลูกสมุนมาเพื่อไล่ล่า ทรานสวอป คีย์
ในขณะเดียวกัน แอเรเซอร์ (Michelle Yeoh) หุ่นรบอินทรีและตัวแทนของเผ่าแม็กซิมัล ได้นำกลุ่มออโตบอตที่ประกอบไปด้วยโนอาห์และเอเลนามาพบกับรุ่นสุดท้ายของแม็กซิมัลที่ถูกลี้ภัยและอาศัยอยู่ในป่าแถบประเทศเปรู เพื่อทำหน้าที่ค้นหา ทรานสวอป คีย์ และปกป้องโลกจากการถูกยูนิครอนกลืนกิน
นักแสดงนำในเรื่อง
แอนโทนี รามอส รับบทเป็น โนอาห์
ชายหนุ่มที่เคยเป็นทหารและกำลังมองหางานทำ เขาต้องการเงินเพื่อที่จะมารักษามือของน้องสาว จึงร่วมมือกับเพื่อนของเขาเพื่อที่จะดำเนินการขโมยรถหรูเอาไปขาย แต่เมื่อเขาเข้าไปขโมยรถคันหนึ่งกลับกลายเป็นออโต้บอท ซึ่งเป็นมนุษย์ต่างดาวไซบ็อกที่ถูกเรียกรวมพลมาเข้าร่วมต่อสู้กับดาวไซเบอร์ตรอนที่กำลังจะบุกรุกโลก เป็นสถานการณ์ทำให้โนอาห์ต้องเข้าร่วมต่อสู้ด้วยโดยที่ไม่ได้ตั้งใจมาก่อน
โดมินิก ฟิชแบ็ค รับบทเป็น เอเลน่า
สาวนักวิจัยด้านโบราณคดี ในหนึ่งวันที่เธอทำงานอยู่ เธอนำวัตถุโบราณเข้ามาศึกษา แต่ก็พบว่าวัตถุนี้ไม่เหมือนกับของโบราณวัตถุที่เคยเห็น เอเลน่าตัดสินใจทำการศึกษาเพิ่มเติม เมื่อเธอค้นพบว่าภายในวัตถุโบราณนั้นมีแหล่งพลังงานลึกลับ เธอก็เริ่มมีความสนใจมาก และเมื่อเธอพยายามศึกษาไปๆ มาๆ เธอก็ต้องเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการต่อสู้ เพื่อแย่งชิงแหล่งพลังงานนี้จากหุ่นยนตร์ต่างดาวที่มาจากต่างโลกและปรากฏตัวขึ้นในโลกของเธอ
ข้อมูลทั่วไป Transformers Rise of the Beasts
หนังเรื่องนี้เป็นการรีบูตและเป็นภาคต่อของภาพยนตร์เรื่อง Bumblebee ที่เข้าฉายในปี 2018 ซึ่งภาคล่าสุดนี้ยังคงเน้นเรื่องราวในช่วงยุค 1990s อีกด้วย
อย่างไรก็ตาม ภาคล่าสุดนี้ยังคงมีความน่าสนใจสูงสำหรับแฟนๆ คอหนังแอคชั่น ซึ่งฉากต่อสู้ยังคงเป็นจุดเด่นที่สุดเหมือนเช่นเคย มีการนำเสนอฉากต่อสู้ที่น่าตื่นเต้นและสนุกมากตามแบบฉบับของชุดหนังนี้ ถึงแม้บางส่วนของช่วงแรกอาจจะมีความเนือยเล็กน้อย แต่ก็ไม่สามารถทำลายความสนุกในหนังได้เลย
ภาพยนตร์ที่เป็นภาคที่ 7 ในชุดหนัง Transformers ซึ่งเฉพาะเจาะจงของแฟนๆ หนังแฟรนไชส์นี้ โดยภาค 5 ตั้งแต่เริ่มแรกถูกกำกับโดยไมเคิล เบย์ และก่อนที่จะเข้าสู่การรีบูตด้วยภาคแยกอย่าง Bumblebee หลังจากนั้นก็พัฒนาเนื้อหาเรื่อยมาจนถึงภาค Rise of the Beasts
แม้แน่นอนว่าภาพยนตร์ Transformers แบบที่ผู้กำกับ ไมเคิล เบย์ สร้างขึ้นในภาคแรกได้สร้างความตื่นเต้นให้กับผู้ชมด้วยสไตล์ Bayhem และมีบทบาทในการสร้างแฟรนไชส์หนังที่มีกำไรหลายพันล้านให้กับ Paramount Pictures ในขณะนั้น แต่ความน่าเสียดายก็คือการที่ เบย์ เองได้ทำให้คุณภาพหรือความสนุกของหนังนั้นลดลงเรื่อยๆ โดยเฉพาะในภาคที่ 5 ชื่อ The Last Knight ที่แสดงให้เห็นถึงการที่ทำอะไรตามอำเภอใจไปจนเกือบไม่มีทิศทางที่ชัดเจน ทำให้ค่ายหนังต้องหยุดสร้างภาพยนตร์เพื่อพิจารณาเส้นทางใหม่อีกครั้ง
ชื่อเรื่อง: กำเนิดจักรกลอสูร
แนว: ไซไฟ, แอ็คชั่น, แฟนตาซี
ความยาวของภาพยนตร์: 127 นาที
ผู้กำกับ: Steven Caple Jr.
นักแสดงนำ: แอนโทนี รามอส, โดมินิก ฟิชแบ็ค
Rise of the Beasts เป็นการต่อยอดเรื่องราวที่ดีที่เคยมีใน Bumblebee แต่ในภาพยนตร์เรื่องนี้มีการแนวการกำกับที่ใกล้เคียงกับสไตล์ของไมเคิล เบย์ แต่อย่างไรก็ตามถูกนำมาปรับให้เข้ากับความต้องการของภาพยนตร์ภาคนี้ให้มีความท้าท้ายและเป็นแบบเฉพาะตัวของตัวเอง
ความรู้สึกหลังจากดู Transformers Rise of the Beasts
ต้องขอบอกก่อนว่าไม่ใช่แฟนพันธุ์แท้ของแฟรนไชส์ Transformers แต่เคยดูบางภาคในตอนเด็ก และเมื่อได้รู้ว่ามีภาคนี้เป็นภาคแยกที่ไม่ต่อเนื่องกับเรื่องเก่า ก็เลยได้ลองไปดูโดยที่ไม่ได้คาดหวังอะไรมากนัก แต่ผลลัพธ์กลับสนุกมากเลยทีเดียว
ภาคนี้มีเนื้อเรื่องที่น่าสนใจ และในฉากแอ็คชั่นก็ถูกสร้างขึ้นออกมาได้อย่างดี และมีการดำเนินเรื่องดี ตัวอย่างภาพยนตร์ตอนเปิดตัวด้วยการแสดงให้เห็นถึงคีย์หลักของเรื่องได้ชัดเจน ที่เป็นการแย่งชิงเทคโนโลยีที่ Maximals ซ่อนไว้นานหลายปี และหลังจากนั้นก็ได้บอกเล่าเรื่องราวพื้นฐานของโนอาห์ตัวละครหลักของเรา ทำให้เราเข้าใจและเข้าถึงตัวนี้ได้มากขึ้น
การเดินเรื่องในภาพยนตร์นี้เป็นไปอย่างค่อนข้างดี ไม่มีจุดที่ทำให้เบื่อเหมือนเมื่อก่อน ซึ่งมีการแสดงอารมณ์ที่เข้ากับเนื้อเรื่องมาก นอกจากนี้ยังมีฉากตลกที่มาเข้ามาเพิ่มความขำในระหว่างที่ดูอีกด้วย รวมถึงความสนุกที่ไม่ตกรุ่น ทำให้รู้สึกถึงความเพลิดเพลินอย่างแทบไม่เบื่อเลย ดูแล้วยิ่งขำมากๆ และมีการแทรกมุขตลกเข้ามาเพื่อเพิ่มความสนุกให้กับหนังอีกด้วย
ถึงแม้ว่าเนื้อเรื่องจะดำเนินไปอย่างกระชับและรวดเร็ว ก็ต้องยอมรับว่าบางครั้งในตัวบทก็มีข้อเสียอยู่บ้างเหมือนกัน เนื่องจากแม้ว่าเนื้อเรื่องจะถูกสร้างขึ้นด้วยสูตรสำเร็จมากเกินไป ทำให้ทุกอย่างดูเอาง่ายจนเกินไป และแม้ว่าจะเข้าใจว่าผู้กำกับต้องการโชว์ความเท่ของหุ่นยนต์ที่มีมากถึง 3 กลุ่ม แต่ก็ยังมีความพยายามในการผูกเรื่องราวของหุ่นยนต์เหล่านี้เข้ากับตัวเอกได้เป็นอย่างดี และชอบประเด็นความสัมพันธ์ระหว่าง Noah กับ Mirage มาก ทั้งโดยภาคนี้เพิ่ม Optimus Prime เข้ามาในบทบาทสำคัญเพิ่มอีกด้วย แม้กระทั่งการที่มนุษย์มีบทบาทสำคัญในการต่อสู้ที่เกิดขึ้นมากกว่าในภาคอื่นๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าสนใจ
ภาคนี้ยังมีฉากสู้ตอนท้ายเรื่องที่เซอร์ไพร์และน่าตื่นเต้นมากๆ แถมเพลงที่ถูกเลือกใช้ก็ถือว่าเข้ากับบรรยากาศของเรื่องได้ดี ทำให้ภาคนี้ดูน่าสนใจเป็นอย่างมาก แม้ว่าบางส่วนอาจจะดูง่ายและเร่งเกินไปบ้าง แต่ก็มีความพยายามในการที่จะนำเสนอเนื้อเรื่องและตัวละครได้เป็นอย่างดี และมีการแทรกมุขตลกเพื่อเพิ่มความบันเทิงให้กับภาพยนตร์อีกด้วย การออกแบบฉากแอ็คชั่นได้ดีจริงๆ งาน CGI ก็ค่อนข้างดี แม้ว่าบางฉากอาจจะมีความไม่สมจริงอยู่บ้าง แต่น้อยมากๆ
ภาคนี้จะได้เห็นหุ่นยนต์ที่เท่และสวยงามอยู่หลายตัว ได้ดูฉากแอ็คชั่นอย่างเต็มอิ่ม มีข้อเสียเพียงแค่อยู่ที่บทเรื่องที่มาในแบบสูตรสำเร็จจนไม่ค่อยมีความตื่นเต้นมากนัก แต่ถ้าหากสนใจแค่ฉากแอ็คชั่นและหุ่นยนต์รับประกันได้เลยว่าไม่ผิดหวังแน่นอน
เนื้อเรื่องของภาคนี้เป็นการเล่าเรื่องในปี ค.ศ.1994 ทำให้เราได้รับรู้วิถีการดำเนินชีวิตของคนในยุคนั้นผ่านตัวละครต่างๆ และสำหรับคนที่ไม่เคยดูภาคอื่นๆ ของแฟรนไชส์นี้มาก่อน เมื่อมาดูภาคนี้เราสามารถเข้าใจเนื้อเรื่องได้โดยไม่งง เพราะเนื้อเรื่องไม่ได้ต่อมาจากภาคก่อน การจัดองค์ประกอบต่างๆ ในภาพยนตร์ทำออกมาได้สอดคล้องกับยุค 90 และเห็นได้ชัดเจนว่าการเล่าเรื่องที่มีความซับซ้อนและจะต้องใช้เทคโนโลยี CGI เข้ามาช่วย ในส่วนของการสร้างภาพหุ่นยนตร์ออโต้บอท ทำออกมาสวยงาม สมจริง และเคลื่อนไหวอย่างมนุษย์จริง การนำเสนอสิ่งนี้ถือประสบความความสำเร็จได้ในระดับที่ดีเลย
จุดเด่นและจุดสังเกต
การตีความแฟรนไชส์ใหม่ที่ชัดเจน มีความน่าสนใจ ทำให้มีทิศทางว่าจะไปต่อได้ ตัวละครใหม่ที่ถูกนำเสนอออกมานั้นมีความน่าสนใจ ออปติมัส ไพรม์ จากผู้นำแนวสุขุม ได้เพิ่มความเข้มขรึมขึ้นอีกเล็กน้อย ตัวละคร Mirage ก็เป็นตัวจี๊ดที่มีความน่าสนใจ การพากย์เสียงของพีท เดวิดสัน ดูเข้ากับบุคลิกมากและเข้ากันได้ดีกับโนอาห์ ท้ายที่สุดยังมีเรื่องราวที่เป็นเซอร์ไพรส์ใหญ่ในตอนท้ายเรื่อง น่ากรี๊ดสำหรับคนที่เป็นแฟนของ Hasbro และภาคนี้ไม่มีความซับซ้อนเวียนหัวเหมือนกับภาค 4-5
อย่างไรก็ตามเนื้อเรื่องและบทบาทบางส่วนมีสูตรสำเร็จที่เดาง่ายเกินไป บางบทก็ไม่สมเหตุสมผลและเกิด Plot Hole บางส่วน ความน่าสนใจของตัวละครไดอะล็อกและหุ่นยนตร์ค่อนข้างสมจริงและมีการเคลื่อนไหวที่เหมือนมนุษย์จริง แม้ว่าบางตัวหุ่นแม็กซิมัลที่เท่มากก็จะอยู่ในบทบาทที่มีน้อยเกินไปหน่อย ส่วนความสัมพันธ์และพล็อตบางส่วนยังไม่ได้ลึกมากพอ จนชวนให้อินได้ไม่มากพอ ส่วนของซีจีก็อาจจะไม่ค่อยมั่นคงเท่าไหร่ ะบางจุดก็อาจจะดูลอยๆ ไปบ้าง
บทสรุปการรีวิว Transformers Rise of the Beasts
เป็นการนำแฟรนไชส์หุ่นยนต์ให้กลับมามีความสนใจอีกครั้ง การนำเสนอตัวละครใหม่ของเผ่าพันธุ์ออโตบอทที่เป็นขวัญใจมาเป็นตัวเสริมทัพ และเพิ่มเติมด้วยเผ่าพันธุ์เดอะบีสต์ ทั้งยังมีวายร้ายที่สุดให้ความน่ากลัวได้เป็นอย่างดี และการให้บทบาทกับตัวละครมนุษย์เพิ่มขึ้นเพื่อให้มีความสำคัญและเด่นชัดขึ้น ซึ่งจะไม่เหมือนเป็นแค่ตัวประกอบอีกแล้ว ทั้งหมดนี้ทำให้แฟรนไชส์ในภาคนี้ดูดีขึ้นอย่างมากจากที่เคยเป็นมา
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้จะไม่ได้เป็นแฟนหนัง Transformers อย่างลึกซึ้ง หรือเป็นคนที่รักความบันเทิงแบบอเมริกัน ก็ยังคงพบความพอใจในสิ่งที่หนังนำเสนอออกมา และคงรู้สึกตื่นเต้นกับทิศทางใหม่ของแฟรนไชส์ในอนาคต
สรุปคือ Transformers: Rise of the Beasts เป็นหนังที่น่าสนุกและเพลิดเพลินในแบบที่คอหนังแนวนี้ได้หวังเอาไว้ มอบความบันเทิงที่เต็มร้อยแก่ผู้ชมได้ แม้จะไม่ใช่หนังที่แย่เท่าไหร่ แต่ความรู้สึกแบบถ้าดูจบแล้วก็จบเลย เนื่องจากไม่มีสิ่งที่จะทำให้ตราตรึงใจและจดจำได้เลย ถึงแม้จะมีเรื่องราวเซอไพรส์ให้แฟนหนังได้พูดถึงกันอยู่บ้าง การรับชมในเรื่องนี้ยังคงให้ความสนุกสนานเหมือนเดิมและได้ความมันส์สะใจให้กับคอหนังได้อย่างมากเลยแหละ
ยังมีผลงานรีวิวอีกเรื่องที่เราอยากแนะนำ AKA เจ้าหน้าที่เงา เรื่องราวของสายลับที่ต้องปฏิบัติหน้าที่ภายใต้สถานการณ์อันน่าตื่นเต้น เชิญอ่านรีวิวของเราต่อได้เลยค่ะ