และในวันนี้ รีวิวหนังแอ๊คชั่นฝรั่ง อยากจะขอมาแนะนำภาพยนตร์แอคชั่นเรื่อง Wrath of Man คนคลั่งแค้น ปล้นผ่านรก เป็นงานผู้กำกับ “กาย ริชชี่” กลับมาอีกครั้งในหนังบู๊โครงสร้างเดิมๆ แต่กลับยังรักษาระดับความมันส์เอาไว้ได้ดี นับว่าเป็นครั้งที่ 4 ที่ผู้กำกับผู้นี้กลับมาร่วมงานกับตัวพ่อ “เจสัน สเตธัม” ขวัญใจคอหนังแอคชั่นบ้านเรา กลับมาคราวนี้…ก็ยังคงเชือดนิ่มแบบเท่ๆ ได้อยู่เช่นเคย ช่องทางการรับชม ดูหนังฟรีออนไลน์ เว็บหนังออนไลน์คุณภาพดีได้ที่นี่เลยค่ะ
ภาพยนตร์แอ็คชั่นระทึกขวัญการปล้นประจำปี 2021
รีวิวหนัง Wrath of Man คนคลั่งแค้น ปล้นผ่านรก ผลงานผู้กำกับ กาย ริตชี (Guy Ritchie)
ถึงหนังจะรู้สึกอิ่มในความระห่ำคลั่งแค้นได้ไม่ต่างจากหนังรุ่นพี่ และแม้จะเป็นการรีเมกหนังฝรั่งเศสอย่าง ‘Le convoyeur’ (2004) ของ นิโคลัส บูครีฟ (Nicolas Boukhrief) ก็ตามที แต่ก็ต้องบอกว่ามาอยู่ในมือผู้กำกับสไตล์ชัดอย่าง กาย ริตชี (Guy Ritchie)
ก็ทำให้หนังเท่ มีรสนิยมตามแบบริตชี เหมือนกับที่เราเคยคุ้นจากหนังก่อน ๆ หน้าอย่าง ‘Snatch’ (2000) หรือล่าสุดกับ ‘The Gentlemen’ (2019) ที่ดูแตกต่างเป็นเอกลักษณ์ในแบบที่เราต้องจำได้ไม่น้อยเลย
อย่างน้อยที่สุดการตีีความใหม่ให้ตัวเอกเก่งเวอร์และดูมีลับลมคมใน ก็ดูน่าสนใจกว่าต้นฉบับฝรั่งเศสที่พระเอกเป็นคนธรรมดามีความหวาดกลัวในการเผชิญหน้ากับโจร
เรียกว่าหงอเลยทีเดียว จนกระทั่งค่อย ๆ กล้าขึ้น และในหนังต้นฉบับก็ไม่ซ่อนปริศนาอะไรมาก เรียกว่าคนดูรู้ภูมิหลังรู้ไส้พุงตัวละครได้ตั้งแต่เริ่มเลย เป็นแนวดราม่าที่ผสมแอ็กชันแบบมีกลิ่นหนังสืบสวน แต่ใน ‘Wrath of Man ’ นี่คือถูกโฉลกกว่ามาก
ถึงจะไม่ฉูดฉาดเท่าหนังฮอลลีวูด แต่ก็เท่และดูสนุกอยู่ เป็นแนวแอ็กชันยอดคนผสมแนวปริศนาธริลเลอร์อีกที
ภาพยนตร์ขาย เจสัน สเตแธม (Jason Statham) ตั้งแต่โปสเตอร์แรกที่จะยืน นอกจากนี้ ตัวหนังยังฉายแสงให้เขาตลอดทั้งเรื่อง ชัดเจนในบทนำเดี่ยวต้องบอกว่าในโลกของนักแสดงแอ็กชั่นทุกวันนี้ถ้ามองความสมดุลระหว่างฉากแอคชั่นกับฉากที่ถ่ายทอดอารมณ์
สเตแธมคือหนึ่งในนักแสดงคนโปรดของผู้เขียนเลยค่ะ โดยเฉพาะบทบาทเงียบ ๆ ที่ใช้สายตาถ่ายทอดเรื่องราวภายใน เขาคือหนึ่งในชื่อแรกที่เข้ามาในความคิด โดยเฉพาะดวงตาที่ปกปิดทั้งความโหดร้ายและความเศร้าลึกๆ แบบนี้เหมาะเหม็งจริง ๆ
เรื่องย่อ
คนคลั่งแค้นผ่านรก เรื่องย่อ เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นหลังจากการซุ่มโจมตีอย่างรุนแรงต่อรถหุ้มเกราะคันหนึ่ง บริษัท ฟอร์ติโก้ ซีเคียวริตี้ ในลอสแองเจลิส ได้ว่าจ้างพนักงานใหม่ผู้ลึกลับนาม แพทริค ฮิลล์ ที่กลายเป็นที่รู้จักกันในชื่อ “เอช”
ในขณะที่เขาเรียนรู้งานจากคู่หู อย่าง บุลเลท ในตอนแรกเอชดูเหมือนจะเป็นคนเงียบๆ เอาแต่ก้มหน้าทำงานหาเลี้ยงชีพ แต่เมื่อเขาและบุลเลทกลายเป็นเป้าหมายของการโจรกรรม ทักษะที่น่ากลัวของเอชก็ถูกเปิดเผย
เขาไม่เพียงแต่เป็นนักแม่นปืนผู้เชี่ยวชาญที่เก่งกาจในการต่อสู้แบบประชิดตัวเท่านั้น แต่ยังเป็นคนที่กล้าหาญไร้ความปรานีและเป็นตัวอันตรายอีกด้วย
เอาเป็นว่าแค่เปิดฉากแรกออกมา ก็รู้ทันทีว่านี่คือหนังของ กาย ริชชี่ โดยแท้ เพราะลายเซ็นในการทำหนังแอคชั่นของเขากลายเป็นสูตรสำเร็จที่เกือบจะสำเร็จรูปไปแล้วด้วยซ้ำ
แม้จะมีความคลีเช่หรือจำเจอยู่บ้าง แต่เขาผู้นี้กลับงัดลูกเล่นเล็กๆ น้อยๆ เข้ามาใส่ได้ถูกที่ถูกจังหวะ ทำให้หนังบู๊ที่เต็มไปด้วยความซ้ำซากแบบเดิมๆ เนื้อหาคุ้นเคย แทบหาความแปลกใหม่ไม่ได้ กลับมีพละกำลังโดดเด่นขึ้นมาด้วยการนำเสนอและเล่าเรื่องตามสไตล์ริชชี่
หากมองดูแล้ว Wrath of Man พากษ์ไทย มีโครงเรื่องที่เรียบง่าย ผู้ชมไม่สามารถคาดเดาวิธีแก้ปัญหาได้อย่างง่ายดาย แต่เหมือนผู้กำกับเอาลงหม้อแล้วปรุงใหม่ เพิ่มมิติให้รสชาติมากยิ่งขึ้น
ต้องยอมรับว่าเทคนิคการเล่าเรื่องของหนังเรื่องนี้ เทคนิคที่ใช้ทำให้หนังไม่น่าเบื่อ ผู้เขียนชอบที่มันถูกขยายและบอกเล่าจากหลายมุมของตัวละครหลายๆ ตัวในภาพยนตร์ เมื่อผสมรวมกันเป็นหม้อเดียว มันทำให้ผู้เขียนรู้สึกว่าหนังเรื่องนี้มีรสชาติอรรถรสที่อร่อยใช้ได้อยู่ค่ะ
การดำเนินเรื่อง
เมื่อหนังมีความลับให้ผู้ชมได้ติดตามเป็นรสชาติเพิ่มเติม ทำให้ไม่รู้สึกเบื่อกับรสชาติหลักของหนังแอคชั่นเลย ข้อดีอีกอย่างคือหนังแบ่งออกเป็นองก์ต่างๆ โดยใช้ชื่อองก์ที่อาจดูงงๆ ในตอนแรก มักเป็นประโยคที่คุณไม่คิดว่าจะได้ยินในชีวิตประจำวัน
แต่สุดท้ายก็ปรากฏอยู่ในบทสนทนาของตัวละครในการแสดงนั้นได้อย่างน่าทึ่ง แล้วจังหวะมันก็ดีจนเราแบบ อ้าว ขนลุกจนคนคิดเก่งก็มาทำทีหลังก็เลยเหมือนเราสนุกกันรอดูว่าชื่อตอนจะเป็นยังไง ปรากฏและจะปรากฏอย่างไรด้วย
นอกจากนี้ด้านตัวแสดงหนังก็ยังมีการเล่นสนุกจากการเอาทั้งขวัญใจเด็กแนว โพสต์ มาโลน (Post Malone) รวมถึงรุ่นใหญ่อย่าง แอนดี การ์เซีย (Andy Garcia) มาแสดงรับเชิญ และตัวละครหลักอย่าง จอช ฮาร์ตเนตต์ (Josh Hartnett)
เองก็จับมาเปลี่ยนบุคลิกเขาให้แนวกวน ๆ เหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อจนเราสนุกไปด้วยได้ ต้องยอมรับในการหาเครื่องปรุงรสในหนังของริตชี่จริง ๆ เพราะแต่ละอย่างมันใส่มาแล้วบันเทิงมากทั้งในจอและนอกจอ
นำแสดงโดย ดาราแอ็คชั่นเมืองผู้ดีอย่าง Jason Statham
นักแสดงนำ เจสัน สเตธัม ก็คือมายืนหนึ่งในฐานะนักแสดงนำ และเขาก็กลายเป็นตัวละครที่ถูกใส่มิติเข้ามามากมายเพียงคนเดียว มีปม มีแนวคิด ที่คนดูต้องสงสัยอยู่เรื่อยๆ ว่าผู้ชายคนนี้กำลังคิดอะไรอยู่ แต่ทุกอย่างค่อยๆ ถูกคลี่คลายออกมาตามการเล่าเรื่องที่เผยออกมาทีละน้อยๆ
การแสดงของเจสันก็ไปตามมาตรฐานของเขา ในบทสุขุมๆ หน่อย โชว์สกิลโหดบ้าง ก็ถือว่าเป็นคาแรกเตอร์ที่ไม่ได้ใหม่สำหรับเขา แต่ก็สามารถประคองทั้งเรื่องไปได้อยู่
ในขณะที่นักแสดงสมทบคนอื่นๆ อย่าง “ฮอลท์ แม็กคัลลานีย์”, “ร็อกชี วิเลียมส์”, “เจฟรีย์ โดโนแวน” หรือ “สก็อตต์ อีสต์วูด” ก็ไม่ได้มีอะไรที่น่าตื่นตาเท่าไหร่ พวกเขาก็เล่นตามบทได้ตามมาตรฐานดี
เพราะหนังไม่ค่อยเอื้ออำนวยต่อการขยี้คาแรกเตอร์เชิงลึกๆ ของพวกเขาได้ แต่อีกคนที่เดี๋ยวโผล่มา ก็คือ “จอช ฮาร์ต์เนตต์” ที่มาในตัวละครที่แอบขโมยซีนหน่อยๆ ยิ่งได้ยินมาว่าเขาต้องมาเข้าฉากเล่นหนังเรื่องนี้ด้วยการด้นสดๆ บทไม่มีด้วย
ยิ่งเพิ่มเสน่ห์ในตัวละครนี้เข้าไปใหญ่ มันเป็นการแสดงที่ขาดๆ ล้นๆ ที่ออกเหมาะเจาะพอดี นี่แหละ…มืออาชีพที่แท้จริง
ในความเป็นจริง Wrath of Man เป็นการรีเมคจากภาพยนตร์ฝรั่งเศสเรื่อง Cash Truck ที่โด่งดังในปี 2004 แต่มีการปรับเรื่องราวให้แตกต่างออกไป โดยที่สคริปต์ได้สร้างเลเยอร์เพื่อให้ดูน่าสนใจยิ่งขึ้น การเล่าเรื่องดูเหมือนช้า แต่ก็ไม่สายเกินไป
การสลับมุมมองที่แตกต่างกัน สิ่งต่าง ๆ ของตัวละครมากมายเป็นสิ่งที่ทำให้ผู้ชมรู้สึกชัดเจน แม้ว่าโดยรวมแล้วก็ยังไม่ใช่หนังที่มีสคริปต์ที่ดีนัก แต่ก็ช่วยกระตุ้นและเพิ่มความสนุกได้ในระดับหนึ่ง
รีวิวหนัง Wrath of Man คนคลั่งแค้น ปล้นผ่านรก ผลงานผู้กำกับหนังที่มีสไตล์จัดจ้าน
การเล่าเรื่องของกาย ริชชี่ยังคงเข้มข้นในทุกฉาก เรื่องราวชวนให้ติดตามตลอด แม้จะมีช่วงความเงียบงัน แต่ก็ไม่มีฉากที่น่าตื่นเต้น
แต่ก็ยังมีเนื้อหาบางส่วนที่จะนำไปสู่ไคลแม็กซ์ของเรื่อง ซึ่งอาจจะไม่ถึงขนาดไม่กระพริบตา แต่ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้การถึงบทสรุปเป็นเรื่องที่สนุกมาก เพราะทุกอย่างจะค่อยๆ วนเวียนมาบรรจบกันในที่สุด
ภาพยนตร์ของกาย ริตชี่ส่วนใหญ่ไม่มีฉากแอ็กชันมากนัก แต่จะเล่นด้วยเนื้อหาที่เข้มข้นและน่าดึงดูด และเล่าเรื่องราวในแบบของตัวเอง แล้วตบทุกอย่างกลับรวมกันให้พีคในตอนท้าย
นี่ก็เหมือนกัน ฉากแอ็กชันมีไม่มากนัก และเจสันก็ไม่ได้แสดงทักษะของเขามากนัก แต่กลายเป็นบทที่ทำให้เขาดูสงบแต่โหด และดูแตกต่างจากหลายเรื่องที่เราจับตามอง นอกจากนี้ยังมีความรู้สึกระทึกขวัญที่เข้มข้นในเรื่องนี้อีกด้วย
ถึงแม้ว่าเรื่องราวจะเดาได้ไม่ยาก ตัวหักหลังเป็นใครดูไปสักพักก็จะพอดูออก และเนื้อหามันอาจจะไม่ได้สลับซับซ้อน แต่ด้วยเทคนิคการเล่าเรื่อง
และด้วยอารมณ์ความเข้มข้นของหนัง สำหรับผู้เขียนเรื่องนี้ถือว่าดีเลยทีเดียว กับการกลับมาที่แปลกตาของ Jason Statham ในครั้งนี้ ซึ่งนอกจาก เจสัน แล้ว Josh Hartnett เป็นดาราอีกคนที่กลับมารอบนี้แล้วดูเตะตามากๆ
บทสรุปโดยรวม
เอาเป็นว่าโดยภาพรวมแล้ว Wrath of Man เต็มเรื่อง ก็จัดเป็นหนังตรงตามมาตรฐานของ กาย ริชชี่ มีลายเส้นของริชชี่อยู่เด่นชัด และการร่วมงานกันเป็นครั้งที่ 4 กับ เจสัน
ก็ไม่ได้ทำให้ดูน่าเบื่อเลย (และต้นปีหน้าพวกเขาก็จะมีหนังใหม่ด้วยกันอีก) ตลอดเกือบ 2 ชั่วโมงของหนังปล่อยให้คนดูได้ลุ้นและติดตามสถานการณ์ต่างๆ ผ่านตัวละคร
เป็นหนังแอคชั่นที่สร้างออกมาตามแนววิถีกระสุนแบบเดิมๆ ลูกเล่นซ้ำๆ แต่กลับยังสร้างอรรถรสให้ผู้ชมได้เต็มแม็กซ์อยู่ ก็เพราะนี่คือหนังของผู้กำกับ กาย ริชชี่ ยังไงละ
อาจจะไม่ได้ถึงกับมีชั้นเชิงสูงมากในการเล่าเรื่อง แต่ก็ถือว่า ทำได้ดีตรงที่ไม่ชวนให้ตรงกลางเรื่องดูหย่อนเกินไป อย่างน้อยก็ทำให้เรื่องราวดูมีอะไรให้น่าติดตาม
แต่จุดที่นายแพทชื่นชมและชื่นชอบ ก็เห็นจะเป็นดนตรีประกอบที่ส่งเสริมให้หนังดูน่าตื่นเต้นได้เป็นอย่างดี อีกส่วนหนึ่งก็เป็นการถ่ายทำฉากแอคชันที่ทำได้สนุกตื่นตาพอสมควร
กับวิธีการเล่าของหนังอีกประมาณนึง สรุปก็ถือเป็นหนังแอคชันอาชญากรรมที่พอสนุกได้เรื่องนึงเลยค่ะ
ทั้งนี้การรีวิวเป็นความชอบและเป็นความรู้สึกของเราเท่านั้น เราไม่ได้ตัดสินว่าเรื่องไหนดีหรือไม่ดีเพราะรสนิยมความชอบไม่เหมือนกัน ถ้าผิดพลาดประการใดก็ขออภัยด้วย ถ้าชอบกดติดตามได้เลยจ้า ติดตามรีวิวหนังเรื่องอื่นๆได้ที่ รีวิวหนัง Spy Kids Armageddon พยัคฆ์จิ๋วไฮเทควันสิ้นโลก
ข้อมูลภาพยนตร์
ภาพยนตร์เรื่อง: Wrath of Man / คนคลั่งแค้น ปล้นผ่านรก
ผู้กำกับ: Guy Ritchie
ผู้เขียนบท: Éric Besnard, Guy Ritchie
นักแสดง: Jason Statham, Holt McCallany, Josh Hartnett
ความยาว: 119 นาที
แนว/ประเภท: Action, Crime, Thriller
เรท: R
อัตราส่วน: 2.39 : 1
ประเทศ: สหรัฐอเมริกา
ช่องทางการรับชม: Prime Video
วันเข้าฉายในไทย: 29 กรกฎาคม 2021
สตูดิโอ/ผู้สร้าง/ผู้จัดจำหน่าย: Metro-Goldwyn-Mayer (MGM), Miramax, CAA Media Finance