รีวิวหนัง Bird Box Barcelona มอง อย่าให้เห็น (บาร์เซโลนา)
สวัสดีค่ะเพื่อนๆทุกคน และในวันนี้เราจะพาทุกคนมาชมการ รีวิวหนังแอ๊คชั่นฝรั่ง กับภาพยนตร์ภาคต่อที่มีชื่อเรื่องว่า Bird Box Barcelona มองอย่าให้เห็น (บาร์เซโลนา)
เป็นภาพยนตร์ภาคแยกจากเรื่อง Bird Box (2018) ที่ได้รับความนิยมสูงมากในปีที่ผ่านมา ภาคนี้เรื่องราวจะพาเราไปติดตามเรื่องราวของตัวละครใหม่ในสถานที่ใหม่
โดยเรื่องราวจะเกิดขึ้นในเมืองบาร์เซโลนา ณ กรุงบาร์เซโลน่า ประเทศสเปน เลยทีเดียว ซึ่งเรื่องราวในภาพยนตร์เรื่องนี้จะเป็นอย่างไร เราอยากเชิญชวนเพื่อน ๆ ให้ลองไปดูกัน หรือลองอ่านรีวิวที่ด้านล่างของเรานี้ได้เลยค่ะ
ภาพยนตร์สุดมันส์เรื่องนี้ จะพาเราเห็นและสัมผัสกับโลกที่ชั่วร้ายของเมือง บาร์เซโลน่า ที่ตัวละครจะต้องตลุยผ่านเมืองที่รกร้างไปก่อน จึงจะเดินทางไปถึงสถานที่อันปลอดภัย ซึ่ง เซบาสเตียน ตัวละครนำของเรื่องจะต้องร่วมมือกับพันธมิตรใหม่ ที่ไม่น่าเชื่อถือ เพื่อทำให้เขาเข้าถึงสถานที่ปลอดภัยให้ได้
ภาพยนต์ Netflix เรื่อง Bird Box Barcelona เป็นผลงานการกำกับของพี่น้องผู้กำกับชาวสเปน อเล็กซ์ และ เดวิด พาสเตอร์ ทั้งคู่เป็นที่รู้จักจากหนังเขย่าขวัญที่เล่าถึงโรคระบาดอย่าง Carriers และ The Last Days
ถ้าเพื่อนๆสนใจที่จะรับชมความตื่นเต้นของหนังเรื่องนี้ โปรดติดตามภาพยนต์เรื่องนี้ได้ที่ Netflix ซึ่งมีเสียงพากย์ไทยให้เลือกดูหรือจะเลือกรับชมได้ที่ เว็บไซด์ Doonungvip.com กันได้เลยค่ะ
เรื่องย่อ Bird Box Barcelona
ฉากเริ่มต้นของเรื่อง หนังจะเล่าถึงเรื่องราวของชายหนุ่มคนหนึ่ง ที่มีชื่อว่า เซบาสเตียน อดีตวิศวกรหนุ่มมากฝีมือที่ต้องเอาชีวิตรอดให้สำเร็จหลังจากที่โลกถูกสิ่งมีชีวิตปริศนาโจมตีอย่างหนักจนทำให้ผู้คนไม่สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติอีกต่อไป
ไม่ว่าใครก็ตามที่มองเห็นมัน ล้วนแล้วแต่เสียสติและจบด้วยการปลิดชีวิตตัวเองทุกคน ด้วยเหตุนี้ผู้รอดชีวิตจึงพยายามหลบซ่อนตัวอยู่ในที่มืด
เมื่อไหร่ก็ตามที่จะออกไปข้างนอกจะต้องปิดตาตัวเองเอาไว้ เพื่อไม่ให้มองเห็นสิ่งมีชีวิตลึกลับดังกล่าว
และเขาก็เป็นหนึ่งในคนที่ปิดตาและเดินออกมาฝ่าเมืองที่แสนจะรกร้าง เพื่อเดินทางไปที่ปลอดภัย แต่การเดินทางในครั้งนี้ไม่ได้มีเพียงเขาคนเดียวแต่อย่างใด
เขาต้องร่วมมือกับเพื่อนใหม่ที่ดูไม่น่าไว้วางใจสักเท่าไหร่ สุดท้ายแล้วเรื่องราวของพวกเขาจะเป็นอย่างไรต้องไปติดตามรับชมกัน
หากลองสังเกตกันดีๆ พล็อตเรื่องและการเขียนบทแบบกระชับต่อเนื่องแบบนี้ เราจะเห็นในหนังแอ๊คชั่นของฮอลลิวู๊ดเหมือนกัน เช่นเรื่อง Outside the Wire สมรภูมินอกลวดหนาม ผลงานที่ แอนโธนี แมกคี ฝากฝีมือการแสดงไว้ได้อย่างยอดเยี่ยม ใครชอบงานสร้างแนวบู๊แอ๊คชั่นระห่ำ ห้ามพลาดเด็ดขาด นอกจากนี้เรายังได้เคยรีวิวหนังเรื่องนี้ไว้แล้วด้วย อย่าลืมแวะเข้าไปอ่านก่อนรับชมกันนะ
การดำเนินเรื่อง Bird Box Barcelona
สำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้ พวกเรานำมารีวิวกันในวันนี้ หากเพื่อนๆยังจำได้เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา NETFLIX ได้ออกภาพยนตร์เรื่องหนึ่งที่กลายมาเป็นปรากฏการณ์เช่นกัน นั่นก็คือภาพยนตร์เรื่อง BIRD BOX ภาพยนตร์ที่เล่าถึงเรื่องราวเหตุการณ์โลกล่มสลายจากภัยคุกคามที่มนุษย์มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า
ตัวเรื่องนำเสนอเหตุการณ์สยดสยอง ที่พาคนไปสู่ความตายอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งเรื่อง มีทั้งฉากฆ่าตัวตายที่รุนแรง และน่าสะพรึงกลัวอย่างมากมาย ภาพทั้งหมดจึงสร้างความตื่นตระหนกไประหว่างทางตลอดเวลา
จากฉากทั้งหมด จะไม่มีฉากที่บรรยายภาพปีศาจร้ายให้เห็นเลย ทำให้แตกต่างจากภาคแรกที่มีฉากที่น่าสะพรึงกลัวอยู่มาก ซึ่งทำให้เรื่องดูน่าติดตามและน่าสงสัยอย่างมาก และส่วนใหญ่แรงกระตุ้นของเรื่องนี้มาจาก
การได้รับรู้อย่างชัดเจนว่าพระเอกเป็นปีศาจในรูปแบบหนึ่งที่ไม่มีใครสามารถจับตัวได้ นอกจากนี้ยังมีการตีความความสัมพันธ์ที่แตกต่างออกไป
โดยเฉพาะการควบคุมอำนาจที่ตัวเอกมีต่อลูกสาวที่ดันเป็นเพียงจิตใต้สำนึก ที่ทำให้เราเห็นความแตกต่างระหว่างความเป็นจริงในปัจจุบันกับความเป็นจริงในใจของตัวเอก ใครไม่มีสมาธิในการชมอาจจะสับสนตรงจุดนี้ได้เหมือนกัน
ภัยร้ายที่มองไม่เห็น หากเพียงแค่คุณได้มองเห็นมันเท่านั้น คุณก็สามารถเสียสติและเสียชีวิตได้เลยในทันที ภาพยนตร์เรื่องนี้จบลงไปอย่างสมบูรณ์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่หากจะมีการสร้างภาคต่อก็น่าสนใจไม่น้อยว่าตัวละครที่รอดชีวิตจะทำอย่างไรต่อไป
แต่พวกเขาดันตัดสินใจสร้างภาพยนตร์ภาคแยกออกมาเสียอย่างนั้น
โดยภาพยนตร์เรื่องนี้จะพาเราไปผจญภัยกับอีกพื้นที่หนึ่ง ซึ่งไม่ได้กล่าวมาก่อนในภาพยนตร์ภาคแรก นั่นคือ เมืองบาร์เซโลน่าแห่งประเทศสเปน
ความรู้สึกหลังรับชม วิจารณ์แบบตรงไปตรงมา
สำหรับภาคแยกเรื่องนี้ เราคิดว่าคนส่วนใหญ่คงคาดหวังกันเอาไว้มากอย่างแน่นอน เพราะในภาคแรกที่ออกฉายในปี 2018 นั้นทำออกมาได้ดีและฮิตติดตลาดสุดๆ จนกลายเป็นกระแสโด่งดังไปทั่วโลกอยู่ระยะหนึ่ง
แต่หลังจากเราดูมาแล้วต้องบอกเลยว่า โปรดอย่าคาดหวังเยอะ เพราะอาจจะผิดหวังได้เหมือนกัน
เพราะภาคนี้เรื่องราวค่อนข้างจืดชืดและไร้ความสมดุล แถมความลุ้นระทึกก็น้อยลงไปแบบเห็นได้ชัดเลยทีเดียว
ส่วนใหญ่เป็นเพราะการเล่าเรื่องที่เปลี่ยนแนวไปจากเดิม ด้วยการให้ตัวละครพระเอกอย่าง เซบาสเตียน กลายเป็นผู้ที่สามารถเห็นภัยร้ายได้
นั่นหมายถึงเขาคือคนที่เคยเห็นภัยร้ายลึกลับมาก่อนในอดีตแต่กลับรอดชีวิตมาได้ อธิบายง่ายๆ ก็คือเขาเป็นคนที่จะคอยหลอกผู้รอดชีวิตให้เปิดตาเพื่อสังหารตัวเอง
ซึ่งแน่นอนว่าพระเอกจะต้องไม่ใช่ตัวร้ายของเรื่อง แต่มันเป็นเพราะเขาถูกล่อลวงเท่านั้นจึงต้องทำแบบนั้น และอีกด้านเรื่องราวของหนังจะโฟกัสไปที่ประเด็นดราม่าของตัวละครพระเอกและลูกสาว แต่มันก็ยังไม่ดีพอให้เราสนุกหรือคล้อยตามไปด้วยเท่าไหร่
ภาพรวมของหนัง
การอธิบายเหตุการณ์ประหลาดในภาคต่อนี้ หนังพยายามอธิบายให้เราเข้าใจมากขึ้น แม้กระนั้น ก็ยังไม่มีความแน่นอนที่เป็นเฉลยสำหรับปริศนาร้ายนี้
เนื้อหาส่วนใหญ่เป็นทฤษฎีของตัวละครที่ได้คาดเดาไปต่างๆ อย่างไรก็ตาม เราสามารถจับความคิดเชิงความเชื่อได้ว่า คอนเซปต์ของมันคืออะไรกันแน่
สรุปได้ว่าเป็นสิ่งมีชีวิตที่มาครอบงำจิตใจของมนุษย์ ผู้เห็นอาจให้ลักษณะและรูปร่างให้กับตัวละครตามอารมณ์และความเชื่อของแต่ละคน
คนบางคนอาจเห็นเป็นเอเลี่ยน คนบางคนเห็นเป็นสัตว์ประหลาด และพระเอกที่ทรมานก็อาจเห็นเป็นลูกสาวตัวเองที่ตายไปแล้ว ส่วนจะเห็นได้อย่างไร ปริศนาเหล่านั้นจะค่อยๆเฉลยออกมาในเรื่อง
เบื้องหลังนี้ยังมีอีกด้วย เช่นบาทหลวงที่มีความเชื่อในพระเจ้า อาจเห็นสิ่งมีชีวิตนี้เป็นพระเจ้าด้วย
นอกจากนี้ยังมีเสียงแสดงจากสิ่งมีชีวิตนี้เป็นเสียงหลอกล่อที่เรียกให้คนเปิดตาเพื่อสังเกตและมองเห็น
มีปริศนาและความน่าสะพรึงกลัวอยู่ในเนื้อหาของหนังเพิ่มเติมเล็กน้อย นอกจากนี้ยังมีเส้นเรื่องรองเกี่ยวกับการเอาชีวิตรอดของตัวละครรองที่มีอยู่ในเรื่องซึ่งเป็นจุดประสงค์หลักในภาคต่อนี้
จากที่คนเคยสนุกสนานกับการต้องเอาชีวิตรอด แต่ภาคนี้พระเอกต้องกลายเป็นคนที่สามารถรอดชีวิตจากการเห็นสิ่งลึกลับได้
และถูกลวงให้มาหลอกล่อผู้รอดชีวิตคนอื่นให้เปิดตาออกมา เพื่อสังหารตัวเองทิ้งอีกทีนึง
ภาพยนตร์จึงเน้นน้ำหนักไปที่ชีวิตของตัวละครพระเอกว่าเขาเป็นใคร
และเล่าให้เห็นว่าเขาต้องเผชิญอะไรในชีวิตมาบ้าง จึงทำให้เกิดเหตุการณ์เหล่านี้ขึ้นมา และหนังพยายามที่จะอธิบายสาเหตุว่า เหตุการณ์แปลกประหลาดมันเกิดขึ้นมาจากอะไรกันแน่
สิ่งที่หลายๆคนยังไม่รู้เกี่ยวกับหนัง
แกนหลักของหนักจะมุ่งโฟกัสไปที่เรื่องราวในกรุง บาร์เซโลน่า ประเทศสเปน ซึ่งหากอ้างอิง จากข่าวในภาพยนตร์ภาคแรก
ประเทศนี้ ถือเป็นจุดที่อยู่ใกล้กับปรากฏการณ์ ฆ่าตัวตายหมู่เป็นที่แรกในประเทศโรมาเนีย โดยมี เซบาสเตียน ชายหนุ่มที่ออกเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ พร้อม กับลูกสาว และมีเป้าหมายบางอย่างที่สัมพันธ์กับเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นในอดีตเป็นตัวดำเนินเรื่อง
จุดเด่นของภาพยนตร์เรื่องนี้ ผู้กำกับหยิบยกเอามาเล่าในครั้งนี้คือ การต่อยอดจากภาพยนตร์ภาคแรก นั่นก็คือกลุ่มคนที่ใช้ชื่อว่า “ผู้มองเห็น”
ซึ่งมีคำอธิบายว่าเป็นคนที่มองเห็นสัตว์ประหลาดได้โดยไม่มีผลกระทบใดๆ และอยากจะให้ผู้อื่นได้มองเห็นด้วย
ภาพยนตร์ภาคนี้จึงไม่ใช่เรื่องราวระหว่างมนุษย์กับสิ่งที่มองไม่เห็นเพียงอย่างเดียว หากแต่เป็นการสำรวจล้วงลึกไปถึงความวิปริตในตัวของมนุษย์ด้วยกันเองว่าหากเราไม่เห็นสิ่งที่มาปองร้าย ในสถานการณ์ที่คับขันแบบนั้น เราจะแก้ไขปัญหาอย่างไร
ซึ่งภาพยนตร์ก็เปิดเรื่องได้อย่างน่าตื่นตา เมื่อเลือกที่จะเล่าให้เห็นถึงความต่างระหว่างคนธรรมดากับคนตาบอด ที่กลายเป็นใหญ่ในโลกที่ล่มสลาย
การมองเห็นกลายเป็นเงื่อนไขที่ทำให้ชีวิตลำบาก ขณะที่การมองไม่เห็นเป็นสิ่งที่ดูตรงกันข้าม คนเหล่านี้จึงกลายมาเป็นคนที่มีอำนาจในสังคมแทนที่คนทั่วไป
ความขัดแย้งครั้งนี้ จึงกลายเป็นเหมือนประตูบานแรกที่เชื้อเชิญให้เข้าไปสำรวจโลกที่ห้ามมองได้อย่างน่าสนใจ
ภาพยนตร์ยังคงเดินหน้าพาตัวเอกไปพบกับกลุ่มผู้รอดชีวิตต่างๆ และค่อยๆ เผยว่าเหล่าผู้เห็นได้กลายเป็นเหมือนภัยร้ายที่น่ากลัวกว่าสัตว์ประหลาด แน่นอนว่าในโลกแห่งความเป็นจริง เรามักเจอคนร้ายๆกับเราอยู่ตลอด
เมื่อพวกเขาสามารถลืมตาเดินได้ตามปกติ อีกทั้งยังชื่นชอบการบีบบังคับให้ผู้อื่น เปิดตาด้วยความรุนแรง ความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นตามธรรมชาตินี้เอง จึงทำให้พวกเขากลายเป็นเหมือนเหยื่อและผู้ล่าก็คงจะไม่ผิดนัก
สรุปภาพรวมของหนัง
สรุปแล้วสิ่งที่น่าเสียดายของภาพยนตร์เรื่องนี้ คือการเอาชีวิตรอดแบบไม่น่าลุ้นเท่าไหร่ ความสนุกชวนให้ลุ้นติดตามแบบภาคก่อนแทบจะหายไปทั้งหมด เท่ากับเสน่ห์ในการเล่าเรื่องหายไปด้วยเช่นกัน เมื่อเทียบกับหนังภาคก่อน
เพราะตอนแรกพระเอกคือถูกหลอกและต้องการจะฆ่าทุกคน ซึ่งก็ฆ่าไปได้หลายคน แต่พอถึงช่วงหลังที่ต้องเอาชีวิตรอดจริงๆ กลับต้องเปลี่ยนเป็นหนีเอาชีวิตรอดจากคนด้วยกัน ที่เป็นพวกลัทธิคลั่งอะไรบางอย่าง
และมันเป็นช่วงสั้นๆ แค่ตอนท้ายไม่กี่นาที แถมยังไม่ได้ลุ้นระทึกเท่าไหร่เพราะพระเอกมองเห็นได้ทุกอย่าง มันเลยง่ายไปหมด เหมือนแค่เป็นการวิ่งไล่จับกันเฉยๆ ถึงอย่างนั้นก็ต้องยอมรับว่าการแสดงของ มาริโอ้ คาสเสส ในบท เซบาสเตียน ช่วยแบกเรื่องราวทั้งหมดเอาไว้ได้พอตัวเลยทีเดียว
ส่วนนักแสดงคนอื่นๆ ก็แสดงได้ตามมาตรฐานทั่วไป สุดท้ายคือด้านงานภาพและงานโปรดักชั่น ส่วนนี้ต้องยอมรับว่าทำออกมาได้ดีพอสมควร แต่มันก็ถูกกลบจนหมดด้วยบทที่ไร้สมดุลและไร้ทิศทาง
เรื่องการทำโปรดักชั่นในเรื่องนี้ถือว่าประสบความสำเร็จอย่างมาก เพราะภาพในหนังมีความสวยงามและมุมกว้างมาก โดยเฉพาะฉากเมืองบาร์เซโลน่า ที่มีการเกิดเหตุร้ายกับเมืองร้างที่ทำออกมาเนียนกริบและน่าติดตามอย่างมาก
ไม่ว่าจะเป็นฉากแต่งตัวของตัวละครหรือฉากการออกแบบโลเคชั่น ทั้งหมดมีความสวยงามเหลือเกิน โปรดักชั่นระดับนี้ไม่ใช่หนังเล็กๆ แต่เป็นหนังฟอร์มใหญ่ จึงสามารถให้ข้อมูลเจาะจงและเนื้อหาที่ย่อไปได้อย่างครบถ้วน เป็นหนังที่จะพาผู้ชมไปสัมผัสกับความงามและความน่าสนใจของโลกในเรื่องเดียวกัน
คอมพิวเตอร์ กราฟฟิก ในเรื่องนี้ทำได้อย่างยอดเยี่ยม ซึ่งเพิ่มความลึกลับมาจากภาคแรกได้อย่างมากมาย ผู้ชมจะไม่เห็นตัวตนของสิ่งปริศนานั้นเลย แต่จะได้เห็นว่ามีสิ่งของเล็กๆ ลอยขึ้นมาจากพื้น และเมื่อมันเคลื่อนที่จะต้องสร้างความพินาศทุกครั้ง
ภาคนี้มีการเผยแพร่ความลับของสิ่งปริศนามากขึ้นในช่วงกลางเรื่อง ก่อนที่จะมีการบ่งชี้เส้นทางสู่ภาคต่อไปในตอนท้าย แน่นอนว่าทีมงานนี้น่าจะมีแผนที่จะพัฒนาเรื่องต่อในอนาคตอย่างแน่นอน
สรุปโดยรวมเลย สำหรับ Bird Box ภาคนี้ เป็นภาพยนตร์ที่ทำให้เราได้รู้จักเหตุการณ์ประหลาดนี้มากขึ้น นอกเหนือจากนั้น เราคงให้คะแนนปานกลาง
ความลุ้นระทึกและการเอาชีวิตรอดที่เป็นจุดขายนั้นหายไปหมด อย่างไรก็ตาม อย่าเชื่อทั้งหมดที่ผู้เขียนได้รีวิวไป ส่วนตัวเราเฉยๆ แค่ก็พอดูได้เท่านั้น ส่วนท่านผู้อ่านบางคนอาจจะสนุกก็ได้
ทีมงานของเรา ชอบภาคแรกมากกว่า แต่คุณผู้อ่านอาจจะชอบก็ได้ ทางที่ดีที่สุดคือคุณต้องไปรับชมและตัดสินมันด้วยตาของคุณเอง