รีวิวหนังHellboy เฮลล์บอย

 

 

มาเจอกันอีกครั้งแล้วนะคับท่านผู้ชม กับผมและการรีวิวหนังสุดมัน วันนี้ผมจะมารีวิวหนังเรื่อง Hellboy เฮลล์บอย ปี 2004 ผกก.กิลเยอร์โม เดล โทโร่ ได้ดัดแปลงหนังสือการ์ตูน Hellboy ที่สร้างสรรค์โดย Mike Mignola ลงสู่จอเงิน และประสบความสำเร็จอย่างมหาศาลจนมีภาคต่อมาอีกภาค รวมทั้งทำให้รอน เพิร์ลแมนเป็นที่จดจำในฐานะของฮีโร่พันธุ์นรก

ทว่าหลังจากนั้นแฟรนไซส์ Hellboy ก็เงียบหายไป จนกระทั่งเมื่อปี 2017 ได้มีการประกาศว่าLionsgate จะทำการรีบู๊ตHellboyใหม่อีกครั้งโดยได้ David Harbour (จาก Stranger Things)มารับบทนำ และได้ Neil Marshall (จาก Dog Soldiers)มากำกับ แถมยังมาในโทนที่มืดหม่น และรุนแรงขึ้นกว่าเดิมมากอีกด้วย

“นี่ไม่ใช่ภาค3 แต่เป็นภาครีบู๊ต” เป็นคำที่ผู้กำกับนีล มาร์แชล ประกาศก้อง ว่าหนังของเขาไม่ใช่ภาคต่อจากหนังทั้ง 2 ภาคของ กิเยร์โม เดลโตโร เมื่อปี 2004 และ 2008 ในรอบนั้นหนังอยู่กับค่ายใหญ่อย่างยูนิเวอร์แซล ภาพลักษณ์ของหนังก็เลยดูน่าตื่นตา ตื่นใจ แต่รายได้หนังก็ไม่สมศักดิ์ศรีของหนังซูเปอร์ฮีโร่ ภาคแรก 99.3 ล้าน ภาคสอง 160 ล้านหนังก็เลยหยุดอยู่แค่นั้น ผ่านมา 11 ปี ลิขสิทธิ์ตกมาอยู่กับค่าย Millennium picture ค่ายที่เจริญรุ่งเรืองจากการสร้างหนังลงแผ่นดีวีดี แล้วอัปเกรดตัวเองมาสร้างหนังโรงในช่วง 10 ปีที่ผ่านมานี่เอง ดูหนังออนไลน์

 

รีวิวหนังHellboy เฮลล์บอย

 

Hellboy 2019 คือภาพยนตร์ Reboot มาสร้างใหม่ก็เลยทำให้โครงเรื่องค่อนข้างเหมือนเก่า แต่เพิ่มชาติกำเนิดของพระเอกให้มีมากขึ้นจากเดิมคือเป็นลูกปิศาจนรก เพิ่มชาติกำเนิดสืบสาวตระกูลยาวไปยันกษัตริย์อาเธอร์นู่น และพยายามทำให้หัวข้อเรื่องอดีตชาติกำเนิดเป็นMainหลักในการเดินเรื่อง

โดยภาพรวมแล้ว Hellboy เป็นหนังที่ทำตามคำคุยไว้ได้ดี คือมีความมืดมน และออกไปในโทนสยองขวัญมากขึ้น สัตว์ประหลาดทั้งหลายในเรื่องออกแบบมาได้น่าเกลียดน่ากลัว และมีฉากแผลงฤทธิ์ที่โหดเลือดสาดชวนแหวะเอามากๆ แถมฉากพวกนี้ก็มีเยอะเสียด้วย ถือว่าสามารถสนองผู้ชมที่ชอบอะไรโหดๆพวกนี้ได้มากทีเดียว และฉากแอ็คชั่นเองก็ทำออกมาได้ดุเดือดใช้ได้เลยทีเดียว ดูหนังฟรี

 

รีวิวหนังHellboy เฮลล์บอย

 

รีวิวหนังHellboy เฮลล์บอย เนื้อเรื่อง/เรื่องย่อ

 

หนังเล่าถึง Hellboy(David Harbour) ซูเปอร์ฮีโร่สีแดงที่มีสายเลือดครึ่งมนุษย์คือปิศาจนรกที่มีภารกิจปราบปิศาจยักษ์ที่กำลังอาละวาดและราชินีแห่งความแค้น นีเมีย(Milla Jovovich) และการเผชิญหน้ากันของทั้งสองฝ่ายก็ทำให้เมืองทั้งเมืองกลายเป็นสมรภูมินรก และความหวังของมวลมนุษย์ก็ขึ้นอยู่กับมนุษย์ครึ่งปิศาจนรกอย่าง Hellboy

Hellboy 2019 คือภาพยนตร์ Reboot มาสร้างใหม่ก็เลยทำให้โครงเรื่องค่อนข้างเหมือนเก่า แต่เพิ่มชาติกำเนิดของพระเอกให้มีมากขึ้นจากเดิมคือเป็นลูกปิศาจนรก เพิ่มชาติกำเนิดสืบสาวตระกูลยาวไปยันกษัตริย์อาเธอร์นู่น และพยายามทำให้หัวข้อเรื่องอดีตชาติกำเนิดเป็นMainหลักในการเดินเรื่อง

หนังวางธีมและพล็อตเรื่องมาเป็นอย่างดี พยายามใส่ปมดราม่าพ่อลูกมาให้คนดูได้สัมผัส แต่มันกลายเป็นตัวหนังทำออกมาไม่ราบรื่น เดินเรื่องแบบเละเทะพอสมควร เดี๋ยวขาดเดี๋ยวเกิน โดยเฉพาะอารมณ์ของตาเฮลล์บอยที่แปรผันตลอดเวลาเห็นแล้วคนดูแบบผมตามไม่ทันเลย แม้ว่าหนังจะพยายามบิ้วให้คนดูคล้อยตามหรือซึ้งไปกับปมพ่อลูก แต่กลับไม่ได้ผลเท่าไหร่ ดูหนังออนไลน์

 

รีวิวหนังHellboy เฮลล์บอย

 

แต่ในด้านเนื้อเรื่องและการเล่าเรื่องของHellboy ค่อนข้างอ่อนพอสมควร จริงๆแล้วหนังมีปมและไอเดียหลายๆอย่างที่น่าสนใจ ทั้งชาติกำเนิดของเฮลล์บอยเอง หรือความขัดแย้งบางอย่างระหว่างเฮลล์บอยและ”พ่อ”ของเขา ซึ่งเป็นจุดที่น่าสนใจมากๆ แต่หนังกลับไม่ได้ให้น้ำหนักกับประเด็นเหล่านี้ รวมทั้งการเล่าเรื่องที่เร็วมากจนไม่มีเวลาให้กับประเด็นดราม่า ทำให้ปมขัดแย้งของตัวละครเหล่านี้ดูไม่น่าเชื่อถือเท่าไหร่นัก เหมือนทำออกมาไม่เต็มร้อย หนังก็เลยออกมาดูกลวงๆ แต่ก็ยังดีที่ได้แอ็คชั่นหนักๆมาช่วยเสริมให้ไม่น่าเบื่อจนเกินไป

ในภาคนี้เฮลล์บอยรับหน้าที่เป็นมือปราบหลักของ หน่วยงานสำนักวิจัยและป้องกันเหตุการณ์เหนือธรรมชาติ (Bureau for Paranormal Research and Defense) น่าจะเป็นเรื่องราวในยุคแรก ๆ ของหน่วยงานฯ เพราะมีสมาชิกเพียงแค่ 2 รายคือ ไดมิโอ มือปราบที่แปลงร่างเป็นเสือได้ และ อลิซ โมนาก์ฮาน สาวพลังจิต ไม่ได้มีสมาชิกครบทีมอย่างที่เคยเห็นใน 2 ภาคก่อนหน้าก็เลยทำให้ขาดสีสันในการปฏิบัติการไปพอสมควร

อย่างที่กล่าวว่าหนังมีพลอตที่น่าสนใจ แต่หนังมอบหมายให้มือใหม่อย่าง แอนดรูว์ คอสบี้ ที่เคยมีประสบการณ์เพียงแค่เขียนบททีวีซีรีส์มาแค่ 2 เรื่อง ก็ไม่สามารถขยายพลอตออกมาเป็นหนัง 2 ชั่วโมงให้น่าติดตามได้เท่าที่ควร ทั้งที่มีวัตถุดิบที่น่าสนใจทั้งยักษ์ ทั้งสัตว์ประหลาด แถมด้วยดาบเอ็กซ์คาลิเบอร์ ทั้งแม่มดแต่ช่วงกลางเรื่องเล่นเอาชวนวูบไปได้เหมือนกัน ดูหนังฟรี

 

 

ความรู้สึกหลังดูหนัง Hellboy เฮลล์บอย

 

ส่วนดีของหนังที่ต้องยอมรับคือพลอตที่น่าสนใจ ด้วยการหยิบตอน The Wild Hunt เป็นซีรีส์ชุดที่ 9 ของ Hellboy มาขยายเป็นเรื่องราวในภาคนี้ เนื้อหาเหมาะกับการใช้เป็นภาครีบู๊ตมาเพราะมีช่วงเกริ่นถึงกำเนิดของHellboy โดยไม่ต้องเล่าซ้ำแล้วซ้ำอีกแบบหนังซูเปอร์ฮีโร่หลาย ๆ เรื่อง บวกกับการหยิบเรื่องราวน่าสนใจจากเล่มอื่น ๆ มาสอดแทรกระหว่างทาง

โดยมีเรื่องราวหลักว่าด้วยภารกิจของเฮลล์บอย ที่ต้องกำจัด “นิมเว” แม่มดมากอิทธิฤทธิ์ที่เคยสร้างวีรกรรมป่วนไว้ในศตวรรษที่ 5 แล้วโดยกษัตริย์อาเธอร์ กับ พ่อมดเมอร์ลิน ร่วมกันกำจัดด้วยการสับร่างเป็นชิ้น ๆ แล้วเอาแต่ละชิ้นส่วนใส่กล่องผนึกอาคม ให้อัศวินแต่ละคนแยกกันไปเก็บซ่อนคนละทิศคนละทาง ผ่านมายุคปัจจุบันอสุรกายหมูป่าก็ลุกขึ้นมารวบรวมชิ้นส่วนแม่มดนิมเวให้กลับมาแผลงฤทธิ์อีกครั้ง

ส่วนเรื่องของตัวละครหลักอย่าง Hellboy ถ้าลองเปรียบเทียบกับภาคก่อน คือภาคนี้ไร้กึ๋นพอสมควร ความเท่ความเฉียบคมในเวอร์ชั่นก่อนหายไปหมด หนังไม่ให้ความสำคัญกับพลังของ Hellboy เลยด้วยซ้ำ ไม่ได้บอกที่มาที่ไปว่าเขามีพลังอะไรและสามารถทำอะไรได้บ้าง และไคลแมกซ์ของภาพยนตร์คือ Power of Weapon ของ Hellboy ก็กลับไม่อวดหรือโชว์ประสิทธิภาพเลย รีวิวหนังออนไลน์

 

 

บอกตามตรงหากเห็นอะไรที่มีความน่าสนใจจากตัวอย่าง ก็มีเท่านั้น ไม่มีอะไรนอกเหนือจากตัวอย่าง และการเอามิลล่า โจโววิช นักแสดงนำจาก Resident Evil มาใช้อย่างไม่คุ้มค่าเลยจริง ๆ คือบทบาทโอเคครับ แต่การนำเอาดาราระดับนี้มาเล่นบทที่เหมือนจะยิ่งใหญ่ แต่ด้วยความที่หนังไม่โชว์ความยิ่งใหญ่อลังการให้สมกับบทบาทที่ได้รับเอาซะเลย

สิ่งหนึ่งที่หนังต้องยอมรับเมื่อเป็นการทำ Reboot คือการเปรียบเทียบที่จะมีสูงกว่าและรุนแรงกว่าการเอาหนังต่างประเทศมาRemake ซึ่งHellboy มีความกล้าหาญมากเลยครับที่นำเอาหนังที่ค่อนข้างจะประสบความสำเร็จในเวอร์ชั่นแรกแล้วมาทำใหม่แล้วเพิ่มปมให้มากกว่าเดิมแล้วหวังว่าจะขายออกเพราะในเวอร์ชั่นเดิมมีฐานคนดูและแฟนคลับ

กลับกลายเป็นหนังกลับดิ่งลงเหวอย่างไม่เป็นท่าเลยครับ จนมองว่าหาพล็อตใหม่ทำภาค 3 ยังจะมีอะไรให้เล่นมากกว่านี้เยอะเลย ค่อนข้างเสียดายบทหนังและการวางตัวละครครับ ค่อนข้างแน่ใจว่าเป็นหนังบล็อค(ไม่) บัสเตอร์แน่ ๆแต่สิ่งเดียวที่ยังทำให้ผมรู้สึกดีกับหนังเรื่องนี้คือตัวร้ายอย่างมิลล่า โจโววิชในบทร้ายที่แม้ว่าจะไม่มีอะไรโดดเด่นนอกจากนมก็เถอะ รีวิวหนังออนไลน์

 

 

สรุปได้ว่า Hellboy (2019) มาในแนวทางที่ต่างจาก 2 ภาคของ กิเยร์โม เดลโตโร อย่างมากกก กลายเป็นซูเปอร์ฮีโร่สายโหดที่ไม่ได้โหดจากเนื้อหาหรือตัวละคร แต่โหดและแหวะจากวิสัยทัศน์ของผู้กำกับที่ยัดเยียดลงไปในหนังนั่นแหละ เนื้อหาน่าสนุกด้วยองค์ประกอบหลาย ๆ อย่าง แต่ถ่ายทอดได้ไม่น่าติดตาม ออกมาดูเป็นหนังเกรดบีมาก

หนังมีฉากโพสต์เครดิต 2 ครั้งตามธรรมเนียม ทั้ง 2 ฉากไม่น่าสนใจเลย เดินออกเลยก็ได้นะ เพราะฉากที่น่าสนใจสุดโผล่มาในวินาทีสุดท้ายของเรื่องแล้ว กับการเผยตัวละครขวัญใจแฟน ๆ Hellboy ส่วน 2 ฉากหลังเครดิตนั้น ตัวแรกไม่ต้องรอนานเฮลล์บอยเจอกับลอบสเตอร์ จอห์นสัน สมาชิกอาวุโสของ หน่วยงานสำนักวิจัยและป้องกันเหตุการณ์เหนือธรรมชาติ

ที่เป็นเพื่อนกับพ่อของเฮลล์บอย ออกมาพูดคุยทักทายกันพองามแล้วก็บ๊ายบาย ไม่ได้มีเนื้อหาสำคัญกับเรื่องราวในภาคนี้หรือภาคต่อ , ฉากที่2 รอยาวนานมากกกก เป็นการเกริ่นนำถึงตัวร้ายในภาคต่อไป เราเห็นแต่ภาพของแม่มดบาบายาก้าพูดคุยกับบุคคลรายนี้ ที่จะออกมาตามล่าเฮลล์บอยในภาคต่อไป สำหรับแฟน ๆ ที่อ่านการ์ตูน hellboy น่าจะรู้ว่าใคร ส่วนผมไม่ใช่แฟนการ์ตูนก็เลยยังไม่รู้ว่าใคร แต่รู้ไปก็แค่นั้นครับ หนังไม่น่าจะมีภาค 2 หรอก ก็หวังต่อไปว่าอีกสัก 10 ปี คงจะมีใครรีบู๊ตอีกสักรอบนะ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *