รีวิวหนังThe Outpost ผ่ายุทธภูมิล้อมตาย
มาแล้วคับท่านผู้ชม มาพบกับผมและการรีวิวหนังสุดมัน วันนี้ผมจะมารีวิวหนังเรื่อง The Outpost ผ่ายุทธภูมิล้อมตาย หนังจากเรื่องจริงบางครั้งก็ให้ความรู้สึกที่ไม่จริง หนังสงครามหลายครั้งก็ไม่ได้ความรู้สึกเหมือนเราได้อยู่ในสงครามจริงๆ การได้ดูจึงอาจซึมทราบในความผลพวงและความโหดร้ายของสงคราม แต่ก็ยังไม่ได้รู้สึกเหมือนเราไปพบเจอมันมาด้วยตัวเองจริงๆ วันนี้ มีหนังสงครามเรื่องหนึ่งที่ทำให้รู้สึกแบบนั้นได้ ‘ฝ่ายุทธภูมิล้อมตาย’ หรือ ‘The Outpost’ คือหนังเรื่องนั้นครับ
ในเรื่องนี้จะได้นักแสดงที่หลายคนรู้จักดีมาเล่นเป็นทหารหน้ามุ่ยๆ อาจจะทำให้ดูแปลกไปจากทุกที แต่ก็ไม่ต้องคิดมากเพราะการที่เราจะจำพวกเขาได้หรือไม่ มันไม่สำคัญ
ผลงานการกำกับหนังเรื่องล่าสุดของ “ร็อด ลูรี่” ที่หวนกลับมาลุยงานหนังใหญ่อีกครั้ง หลังจากที่เบนเข็มหันไปเอาดีกับงานด้านโทรทัศน์มากกว่า ดัดแปลงมาจากหนังสือเชิงสารคดีของ “เจค แท็ปเปอร์” ทีชื่อว่า ‘The Outpost: An Untold Story of American Valor’ ที่อ้างอิงมาจากบันทึกและเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงในฐานปฏบัติการทางทหารของกองทัพสหรัฐฯ
The Outpost เป็นเรื่องราวของเจ้าหน้าที่ทหารกองทัพสหรัฐฯ กลุ่มเล็กๆ กลุ่มหนึ่งที่ต้องประจำการอยู่ที่ฐานทัพในหุบเขาลึกของอัฟกานิสถาน ที่กลายเป็นยุทธศาสตร์ที่ตั้งที่เสียเปรียบในเชิงการทำศึกการทหาร เนื่องจากตั้งอยู่กลางหุบเขาที่ล้อมรอบ และยังอยู่ในพื้นที่ฐานที่มั่นของตอลิบาน 54 ทหารกล้าที่ประจำการ ต้องต่อสู้เผชิญหน้ากับกลุ่มก่อการร้ายนับร้อยที่อาวุธครบมือ จากเรื่องจริงของทหารอเมริกัน 54 นาย ที่ต้องเผชิญกับโจมตีครั้งใหญ่โดยกลุ่มก่อการร้ายตาลีบันกว่า 400 คน หรือที่รู้จักกันดีในนาม สมรภูมิคัมเดช (Battle of Kamdesh) นี่คือการสู้รบของชาวอเมริกันที่นองเลือดที่สุดในสงครามอัฟกานิสถาน ดูหนังออนไลน์
รีวิวหนังThe Outpost ผ่ายุทธภูมิล้อมตาย เนื้อเรื่อง/เรื่องย่อ
The Outpost ดัดแปลงมาจากหนังสื่อจากนักข่าวสงครามของช่องซีเอ็นเอ็น เจค แท็ปเปอร์ ที่มีชื่อว่า The Outpost: An Untold Story of American Valor เล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันที่ 3 ตุลาคม 2009 เมื่อกองกำลังทหารสหรัฐฯ 54 นาย ได้ประจำการอยู่ที่ด่านหน้า เพื่อรักษาฐานที่มั่นบริเวณหุบเขาคัมเดซ ทางตะวันออกเฉียงเหนือของอัฟกานิสถาน ใกล้กับชายแดนปากีสถาน
แต่ปรากฏว่าพวกเขาถูกดักจู่โจมโดยกลุ่มทหารตอลิบานกว่า 400 นาย กลายเป็นยุทธการสาดกระสุนกันอย่างโครมครามในหุบเขาอันห่างไกลจากความเจริญ เหตุครั้งนี้ทำให้มีทหารอเมริกันเสียชีวิต 8 นาย บาดเจ็บอีก 27 นาย ขณะที่ทหารฝ่ายตรงกันข้ามเสียชีวิตนับร้อยชีวิต เรื่องราวดังกล่าวถูกนำมาตีแผ่เป็นหนังสือนิยายเชิงสารคดี ก่อนจะได้รับความสนใจหลังจากที่วางแผงไปเมื่อ 8 ปีก่อน
ด้วยที่ตั้งชัยภูมิที่อยู่ท่ามกลางภูเขาล้อมรอบ มองไม่เห็นความได้เปรียบต่อศัตรูแม้สักนิด เป็นเหมือนภารกิจฆ่าตัวตายชัด และในที่สุด วันนั้นก็มาถึง เมื่อกลุ่มตาลีบันราวสี่ร้อยคนบุกจู่โจมจากทุกทาง กลุ่มทหารที่มีอยู่น้อยนิดจำต้องร่วมใจกัน เป็นหนังที่แทบจะไม่ต้องการสตอรี่หรือพล็อตเรื่องอะไรเลย นอกจากชีวิตประจำวันของเหล่าทหารอเมริกันในค่าย ภารกิจเล็กใหญ่ที่ต้องทำในแต่ละวัน บางอย่างก็ดูบ้าบอและพาตัวเองไปเสี่ยงตายด้วยซ้ำ ดูหนังฟรี
แต่สิ่งที่เป็นแนวคิดสำคัญที่ทำให้หนังเรื่องนี้ออกมาน่าสนใจ น่าประทับใจ ก็คงเป็นการเล่าเรื่องให้มองเห็น เข้าใจชีวิตและความรู้สึกนึกคิดของเหล่าทหาร โดยที่ไม่ต้องเน้นเล่าให้เป็นเรื่องราว แค่มองเห็นชีวิตประจำวัน ได้ฟังคำสนทนาที่ยิงเข้าใส่กันน้ำไหลไฟดับก็พอจะเก็บเกี่ยวได้แล้วว่าพวกเขาเจออะไรมาบ้างและกำลังเผชิญกับอะไรในค่ายที่เป็นความผิดพลาดมาตั้งแต่เริ่มต้น
การจดจำตัวละครแต่ละตัวในนั้น อาจจะยากสักนิดนึง เพราะพวกเขามีเป็นสิบ ชื่อที่ขึ้นมาเพียงแว้บเดียว และการที่แต่ละคนแต่งตัวด้วยชุดทหารจนมองเหมือนๆ กันไปหมด แถมหน้าตาที่มอมแมมยิ่งทำให้จดจำยากขึ้นไปอีก แต่เรายังดูหนังด้วยความตื่นเต้นได้ หัวหน้าคนแล้วคนเล่าที่เข้ามาปฏิบัติงานกำกับดูแลพวกเขา แล้วก็เสียชีวิตไปเพราะถูกกระสุนยิงใส่ร่าง
หนังไม่ได้บอกอะไรมากนัก ว่าสถานะของทหารอเมริกันกับกลุ่มชาวบ้านแถบนั้นเป็นอย่างไร ดูมีความคลุมเคลืออยู่ไม่น้อย แต่สถานการณ์ช่วงครึ่งหลังที่กลุ่มตาลีบันบุกล้อมทุกทิศทาง ระดมยิงใส่ฐานที่มั่นหนึ่งเดียวของพวกเขา หนังจู่โจมเข้าใส่คนดูด้วยลีลาการเคลื่อนกล้องกึ่งแฮนด์เฮลด์ การถ่ายระยะใกล้ และลองเทค ประกอบกับเสียงปืน เสียงระเบิด ทั้งหมดเสมือนพาผู้คนให้เข้าร่วมอยู่ในเหตุการณ์จริง วิ่งหนีกระสุนกันจ้าละหวั่น เล็งเป้าเข้าหาศัตรูด้วยตาตัวเอง ตัดสินใจออกไปช่วยเหลือเพื่อนทหารด้วยความกล้าหาญ ดูหนังออนไลน์
ความรู้สึกหลังดูหนัง The Outpostผ่ายุทธภูมิล้อมตาย
คำโปรยของหนังเรื่องนี้บอกเราได้เท่านี้จริงๆ เพราะตัวหนังเองก็ไม่ได้เล่ามากมายไปกว่านั้น เราได้มองเห็นถึงปัญหาจากภายนอกค่าย (ทั้งชาวบ้าน ที่ตั้งที่เอื้อแก่การถูกโจมตีของเหล่าตาลีบัน) และปัญหาที่อยู่ภายในค่ายเอง ที่ผู้บังคับบัญชาเปลี่ยนหน้ามาเรื่อยๆ เพราะคนเก่าสังเวยชีวิตไปกับค่ายและภารกิจที่นี่
มันเป็นหนังสงคราม และอาจดูเหมือนหนังที่อวยความเป็นสหรัฐอเมริกา แต่ไม่ใช่เลย หนังออกจะโวยต่อคนใหญ่คนโตด้วยซ้ำที่คิดก่อตั้งค่ายนี้ขึ้น ทั้งพื้นที่ซึ่งไร้ความได้เปรียบใดๆ ศัตรูไม่ต้องชำนาญพื้นที่ก็สามารถซุ่มโจมตีได้ทุกเมื่อ และกลุ่มทหารก็มีอยู่เพียงกระหย่อมนึง การแสดงที่ชวนอึ้งไม่เบาก็คือ Caleb Landry Jones ที่สวมบทบาทเป็นคาร์เตอร์ ที่โดดเด่นจนแทบขโมยซีนทุกตัวที่เขาร่วมฉาก
หนังปิดท้ายด้วยความเศร้าสะเทือนใจ มองเห็นอย่างชัดแจ้งถึงความสั่นสะเทือนทางจิตใจที่ทหารได้รับจากการปฏิบัติงาน ไม่ใช่แค่คำพูด แต่เราได้เห็นช่วงเวลาเหล่านั้น แถมยังเสมือนได้เข้าไปผจญห่ากระสุนด้วยตนเอง ฉากนั้น ใครที่ได้ดูมาตั้งแต่ต้นคงอดกลั้นน้ำตาไว้ไม่ไหว มันมากเกินจะทนจริงๆ
หนังยังมี “แจ็ค เคซี”, “เทเลอร์ จอห์น สมิธ”, “ไมโล กิ๊บสัน” หรือ “โครีย์ ฮาร์คริกต์” ที่ถ่ายทอดความเป็นชายชาติทหารออกมาได้อย่างสมศักดิ์ศรี แต่ที่ขยี้บทบาทออกมาได้เด็ดดวงและมีมิติที่สุดก็คงจะเป็นการแสดงของดาราหนุ่มดาวรุ่ง “เคเลบ แลนดรีย์ โจนส์” ที่ต้องแบกรับบทเป็นทหารที่มีผลกระทบจากภาวะทางอารมณ์ เนื่องจากการเผชิญหน้ากับความรุนแรงในสมรภูมิสงคราม เขาเล่นได้เยี่ยมและเล่นได้จริง ดูหนังฟรี
ต้องบอกว่า The Outpost เป็นหนังสงครามที่อัดแน่นมาด้วยปฏิบัติการที่ทำให้คนดูต้องลุ้นระทึกและหัวใจเต้มแรงตามภาพเหตุการณ์ที่อยู่ตรงหน้า หนังตอบโจทย์คนดูได้เป็นอย่างดี คอหนังสงครามระทึกขวัญประเภทนี้จะต้องถูกใจได้ไม่ยาก ครึ่งแรกอาจจะเบาๆ แต่ไม่ได้ทำให้รู้สึกน่าเบื่อ เปลี่ยนโหมดมาสู่ครึ่งหลังที่ใส่ฉากสงครามมาแบบแทบไม่ได้หยุดหายใจ
ด้านงานวิชวลเอฟเฟ็คสำหรับเรื่องนี้ผมมองว่าทำได้ครึ่งๆ กลางๆ ครับ นำเสนอความสมจริงในหนังที่ต้องการความสมจริงมากๆ ได้ไม่สุดเท่าไหร่ ปัญหาที่เห็นชัดที่สุดก็คงจะเป็นระเบิดแหละครับ เรื่องนี้ดูมีผสมปนเปกันไประหว่างระเบิดจริงที่ทำมาจากสเปเชียลเอฟเฟ็ค และระเบิดปลอมที่ได้จากซีจี ซึ่งน่าเสียดายมากๆ ที่ระเบิดหลายครั้งนั้นดูปลอมจนไม่ทำให้เราชื่อในตัวหนังเท่าไหร่ ยังดีที่ระบบเสียงในหนังเรื่องนี้ทำออกมาได้ดีมากๆ จึงพอถูไถในการนำเสนอประสบการณ์เสมือนจริงในพื้นที่สงครามได้อยู่
สรุปโดยภาพรวมแล้ว The Outpost ฝ่ายุทธภูมิล้อมตาย จึงเป็นภาพยนตร์แอ็คชั่นสงครามตะวันออกกลางที่ทำออกมาได้สนุก เนื้อเรื่องไม่ได้มีอะไรมากมาย มีการจิกกัดเรื่องการทำงานของทหารอเมริกา แล้วก็ความคิดของคนตะวันออกกลางตามประสาหนังแนวนี้ แล้วไปเน้นเป็นภารกิจเอาตัวรอดจากศึกโดนถล่มที่หนักที่สุด ฉากแอ็คชั่นเรื่องนี้บอกได้เลยว่ามันส์มาก มันส์ถล่มฐานถล่มภูเขา กระสุนเป็นพันเป็นหมื่น ระเบิดมีกี่ลูกก็ยัดใส่กันรัวๆ เป็นเวลาเกือบชั่วโมง…ใครเป็นคอหนังสงครามตะวันออกกลาง ชอบหนังแนวยิงถล่มใส่กันไม่ยั้งเน้นเอามันส์ เชิญชมในโรงภาพยนตร์ได้เลย รีวิวหนังออนไลน์
ภาพยนตร์เรื่อง: The Outpost / ฝ่ายุทธภูมิล้อมตาย
ผู้กำกับภาพยนตร์: Rod Lurie
ผู้เขียนบท: Paul Tamasy, Eric Johnson
นักแสดงนำ: Scott Eastwood, Caleb Landry Jones, Orlando Bloom
ดนตรีประกอบ: Larry Groupé
ความยาว: 123 นาที
ปี: 2020
แนว/ประเภท: Action, Drama, History , War
อัตราส่วนภาพ: 1.85 : 1
ประเทศ: สหรัฐอเมริกา
เรท: ไทย/-, MPAA/R
วันที่เข้าฉายในประเทศไทย: 5 พฤศจิกายน 2020
สตูดิโอ/ผู้สร้าง/ผู้จัดจำหน่าย: Millennium Media, Perfection Hunter Productions, Screen Media Films