รีวิวหนังMULAN มู่หลาน
สวัสดีคับ กลับมาพบกับผมและการรีวิวหนังสุดมัน วันนี้ผมจะมารีวิวหนังเรื่อง MULAN มู่หลาน ท่ามกลางดราม่า #boycottmulan เราก็ยังตัดสินใจไปดู MULAN (2020) ฉบับ live-action ของผู้กำกับหญิง Niki Caro (จาก The Zookeeper’s Wife) นี้อยู่ดี ในฐานะแฟน Mulan การ์ตูนดิสนีย์ (1998) มาตั้งแต่เด็ก และก็อยากจะไปดูนักแสดงคนอื่น ๆ ใน MULAN ด้วย เช่น Tzi Ma นักแสดงชาวฮ่องกงที่เล่นเป็นพ่อของมู่หลาน คนนี้นี่เราประทับใจการแสดงของเค้าใน MULAN มาก นึกถึงทีไรก็ยังตื้นตันตามน้ำตาไหล และที่สำคัญ MULAN ก็มี message ที่ดีงาม ที่ควรค่าแก่การดูอยู่ดี
เช่นเดียวกับหนังรีเมคจากแอนิเมชั่นแทบทุกเรื่อง มันคือความยากและความท้าทายเมื่อเวอร์ชั่นแอนิเมชั่นมันขึ้นหิ้ง และในแง่ความบันเทิง การ์ตูนมันมักจะเล่นอะไรได้มากกว่าเวอร์ชั่นคนแสดง ถ้าเอาตรง ๆ เราก็ไม่คุ้นว่าตัวเราเองชอบ live-action remakes ของการ์ตูนดิสนีย์เรื่องไหนมากกว่าออริจินัลบ้างนอกจาก Aladdin แม้แต่ MULAN เอง เราดูหนังเวอร์ชั่น Yifei Liu แล้ว เราก็ยังชอบเวอร์ชั่นแอนิเมชั่นมากกว่าอยู่ดี แต่สุดท้ายเราก็พยายามเปิดใจ และพยายามไม่เปรียบเทียบสองเวอร์ชั่นนี้ด้วยกัน แต่ละเวอร์ชั่นก็มีความสนุกในแบบของใครของมัน และเราก็ชอบมันคนละแบบ ดูหนังออนไลน์
ย้อนกลับไปปี 1998 ดิสนีย์ได้พยายามเจาะตลาดเอเซียด้วยแอนิเมชันที่หยิบตำนานวีรสตรีของจีนอย่าง ฮัวมู่หลาน มาดัดแปลงจัดแต่งมันภายใต้รูปแบบดิสนีย์นิยมที่มาเต็มทั้งสัตว์พูดได้ มุกตลกแบบการ์ตูนและความเวียร์ดถึงขั้นมีมังกรที่รูปร่างเหมือนกิ้งก่าพูดได้มาคอยเป็นผู้ช่วยของมู่หลาน ซึ่งแน่นอนล่ะว่ามันก็สร้างความไม่พอใจกับคนจีนจนล้มเหลวด้านรายได้ตอนออกฉาย
แต่สำหรับตลาดแอนิเมชันโลกโดยเฉพาะเอเซียมันกลับสร้างความนิยมให้กับเด็ก ๆ ในยุคนั้น ลามไปถึงปรากฎการณ์สำคัญคือมันได้กลาย “การ์ตูนตัวแม่” สำหรับบรรดากะเทยด้วยเพลง Reflection ที่ส่งเหลือเกินกับเนื้อหาการปิดบังตัวตน และพลอยส่งให้ชื่อของคริสตินา อากีเลราดังเป็นพลุแตกในฐานะคนร้องเพลงนี้ (และแม่ของเหล่ากะเทย) และสำหรับผมเองความทรงจำเดียวที่มีต่อ MULAN เวอร์ชันนั้นก็แค่เพลงนี้นี่แหละครับ
แต่กระนั้นในปี 2020 นี้ ดิสนีย์คงตระหนักได้จากการทดลองเอาของเก่ามาหากิน เอ้ย ! ดัดแปลงแอนิเมชันให้กลายเป๋็นหนังคนแสดงหรือเรียกหรู ๆ ว่าไลฟ์แอ็กชัน (Live Action) ทั้ง The Jungle Book, Aladdin และ The Lion King โกยเงินเข้ากระเป๋าได้แบบไม่ต้องคิดเยอะเลยว่าแอนิเมชันอย่าง MULAN เองก็ไม่ยากนี่หว่าที่จะเอามาทำเป็นหนังคนแสดงเรื่องต่อไปแต่อนิจจาตัวหนังก็ดันสร้างประวัติศาสตร์ในตัวมันเองแบบไม่ตั้งใจเสียด้วย ทั้งหลิวอี้เฟยที่ออกมาโพสต์สนับสนุนให้ตำรวจใช้ความรุนแรงกับผู้ประท้วงในฮ่องกงจนเกิดกระแสแบนหนังในประเทศต่าง ๆ และการตัดสินใจของดิสนีย์ที่เอาหนังลงสตรีมมิงแทนการออกฉายที่อเมริกา ดูหนังฟรี
รีวิวหนังMULAN มู่หลาน เนื้อเรื่อง/เรื่องย่อ
ในสังคมของ Mulan (Yifei Liu จาก The Forbidden Kingdom) เธอถูกคาดหวังให้เป็นแม่ศรีเรือน เรียบร้อย อ่อนโยน และออกเหย้าออกเรือนเพื่อเป็นเกียรติเป็นศรีแก่วงศ์ตระกูล เมื่อเธอโตขึ้น เธอต้องจำใจไปหาแม่สื่อประจำหมู่บ้านให้อบรมพื้นฐานการเป็นแม่ศรีเรือนและจัดหาคู่ที่เหมาะสมให้
ในขณะเดียวกัน เมืองจีนก็กำลังก้าวเข้าสู่สงคราม เมื่อ Böri Khan (Jason Scott Lee จาก Dragon: The Bruce Lee Story) นำทัพมุ่งหน้ามายึดเมืองหลวง โดยนอกจาก Böri Khan จะมีทหารในกองทัพจำนวนมากแล้ว ยังมีแม่มด Xianniang (Li Gong จาก Memoirs of a Geisha) เป็นสมุนมือขวาอีกด้วย Emperor (Jet Li จาก Fearless) จึงมีบัญชาให้ทุกครอบครัวต้องส่งผู้ชาย 1 คนไปร่วมรบ แต่ Zhou พ่อของ Mulan (Tzi Ma จาก The Farewell) มีแต่ลูกสาว เขาจึงต้องกลับไปรบอีกครั้ง แต่ Mulan เห็นว่าพ่อแก่แล้วและขาเสียมาตั้งแต่สงครามครั้งก่อน ถ้าต้องไปรบอีก ก็ไม่รอดแน่นอน เธอจึงแอบปลอมตัวเป็นผู้ชาย ขโมยดาบ ชุดเกราะ และหมายเรียกของพ่อ ขี่ม้ามุ่งหน้าไปเข้าค่ายทหารเอง
ที่ค่าย เธอได้อยู่ในหน่วยของ Commander Tung (Donnie Yen จาก Ip Man) และได้เป็นเพื่อนกับ. Honghui (Yoson An), Cricket (Jun Yu), ฯลฯ เธอไม่ได้รู้สึกเหนื่อยหรือยากลำบากกับการฝึกซ้อม หากแต่ประสบความยากลำบากในการปกปิดพลัง ความสามารถ และตัวตนของเธอท่ามกลางหมู่ชายล้วน เพราะถ้าถูกจับได้ว่าเป็นหญิง เธอคงถูกขับไล่. หรืออาจถูกลงโทษประหารชีวิตก็เป็นได้ ดูหนังออนไลน์
ซึ่งถือเป็นการสร้างซีนเปิดเรื่องที่ชาญฉลาดอย่างยิ่งและตลอดเรื่องก็จะมีประโยคที่เธอถูกพูดใส่ตลอดนั่นคือ Know Your Place หรือ การวางตนให้เหมาะสมซึ่งเป็นกรอบธรรมเนียมวัฒนธรรมจีนที่กดผู้หญิงให้ไม่มีทางเลือกในชีวิตมากนักและในขณะเดียวกันซีนเปิดเรื่องนี้ยังช่วยอุดรูรั่วให้กับประเด็นความเก่งกาจของมู่หลานในฉบับหนังที่ไร้ซึ่งมังกรแดงพูดได้อย่างมูซูมาช่วย (แต่มีนกฟีนิกซ์ประจำตระกูลที่บินโฉบมาจากไหนไม่รู้แทน 555)
กระนั้นแล้วก็ใช่ว่าตัวหนังจะเต็มไปด้วยความเคร่งเครียดหรือมาการเมืองจ๋านะครับตรงกันข้ามเลยเพราะแม้งานกำกับของนิกิ คาโรจะยังคงความเฟมินิสต์เหมือนหนังชิงออสการ์ของเธอทั้ง Whale Rider (2002) และ North Country (2005) จนทำให้มู่หลานเวอร์ชันนี้มีคาแรกเตอร์ที่ดูแข็งแรงและเปี่ยมพลังหญิงแค่ไหนก็ตาม แต่เธอก็ยังคงทำให้หนังอยู่ในบล็อกของดิสนีย์ได้อย่างไม่ขัดเขินแถมยังทำให้หน้าหนังที่คนจีนมาพูดฝรั่งเรื่องนี้รอดจากความเสร่อได้อย่างไม่น่าเชื่อ ดูหนังฟรี
ความรู้สึกหลังดูหนังMULAN มู่หลาน
หนังเวอร์ชั่นนี้เน้นย้ำ 3 คำบนดาบนักรบอยู่บ่อย ๆ “Loyal, brave, and true.” เสมือนเป็นคุณสมบัติสำคัญของชายชาตินักรบ แต่จริง ๆ แล้ว “true” คืออะไร? มันหมายถึง “Be true to yourself.” ด้วยหรือเปล่า? ถ้าใช่… Mulan ก็ไม่ควรถูกตีกรอบหรือตอกย้ำว่า “อย่าโชว์พลัง chi ออกมาให้โลกเห็น” ด้วยหรือเปล่า? และผู้ชายเองก็ต้องยอมรับความจริงด้วยหรือเปล่าว่า ผู้หญิงก็มี chi ได้ เป็นผู้นำได้ และก็อาจจะกล้าหาญกว่าผู้ชายแท้ ๆ หลายคนเสียอีกด้วยซ้ำ
ความกล้าหาญของ Mulan ไม่ได้ตั้งอยู่บนพื้นฐานของความรักชาติ แต่ตั้งอยู่บนจิตที่ประสงค์จะปกป้องครอบครัวและเพื่อนของเธอ อีกทั้งทำให้พ่อแม่ภูมิใจและนำเกียรติสู่วงศ์ตระกูล พูดง่าย ๆ ก็คือ “ความกตัญญูต่อครอบครัว” ซึ่งยังถือเป็นคุณสมบัติที่คนจีนและคนเอเชียหลายบ้านยังยึดมั่นเป็น priority หลัก
ฉากแอ็คชั่นมีประรายในช่วงเทรนนิ่ง และมีอีกประมาณหนึ่งในสนามรบ พูดตรง ๆ เราก็รู้สึกว่ามันไม่สุด แต่ไม่ใช่เพราะว่ามันไม่โหดหรือมันไม่เลือดสาด เพราะเราเข้าใจดีว่า ด้วยความเป็นดิสนีย์ เป็นหนังครอบครัว และเผื่อมีเด็กน้อยมาดูด้วย มันย่อมประนีประนอมกับฉากสงครามระดับหนึ่ง คอหนังแอ็คชั่นอาจจะรู้สึกว่าห่างไกลจากคำว่ามัน(ส์)สะใจได้ แต่อย่างไรก็ตาม เราคิดว่าความอลังการของฉากแอ็คชั่นและการครีเอทคิวบู๊ก็ทำได้สวยงามและชวนตื่นเต้นอย่างที่มันควรจะเป็น รีวิวหนังออนไลน์
เพียงแค่องก์สุดท้าย เราไม่ค่อยเห็นการใช้แผนการรบที่เป็นรูปธรรมอะไร (นี่แอบคาดหวังแผน เพราะนาง Mulan ดันเสนอหน้าพูดว่า คนน้อยก็ชนะศัตรูได้ถ้าวางแผนการรบดี) นอกจาก Mulan บุกเดี่ยวเข้าไปช่วยองค์จักรพรรดิและให้ผู้ชายทุกคนเป็นแบ็คให้นางอยู่ห่าง ๆ ทั้งที่ตามหลักแล้ว Commander Tung (Donnie Yen) นี่ควรจะไปช่วยจักรพรรดิเอง น่าจะชัวร์กว่า หรือวิ่งไปพร้อมกับ Mulan ก็ยังดี ไม่ใช่ให้ Mulan ฉายเดี่ยว
ทิ้งท้ายรีวิวคงไม่มีอะไรมากนอกจากรู้สึกว่าเมืองไทยโชคดีมากที่ดิสนีย์ประเทศไทยตัดสินใจเอาหนังเข้าฉายโรงเพราะตัวหนังถูกออกแบบมาให้ดูในโรงจริง ๆ ที่สำคัญคือหนังเองก็รวมดาราเอเซียคนสำคัญไว้นอกจากหลิวอี้เฟยแล้วก็ยัง เจิ้งจือตัน หรือ ดอนนี่ เยน ที่ดังจากหนังปรมาจารย์ยิป มัน หรือจะเป็น กงลี่ สาวสวยสองพันปีในบทแม่มดที่ปังมากฟาดมาก และที่โดนใจเด็กยุค 90s มากแต่อาจต้องขยี้ตาหน่อยคือการปรากฎตัวของ หลี่เหลียนเจี๋ย หรือ เจ็ต ลี ในบทฮ่องเต้ที่หน้าตาดูชราไปเยอะแต่ยังคงรัศมีดาราใหญ่อยู่ สรุปง่าย ๆ คือ MULAN ไม่ทำให้ผิดหวังจริง ๆ ครับ