รีวิวหนังMONSTER HUNTERมอนสเตอร์ ฮันเตอร์

 

 

มาพบกันอีกแล้ว กับผมและการรีวิวหนังสุดมัน วันนี้ผมจะมารีวิวหนังเรื่อง MONSTER HUNTERมอนสเตอร์ ฮันเตอร์ หนังจากเกมยังคงถูกสร้างกันมาอยู่เรื่อยๆ นัยว่ามีความเป็นไปได้ที่จะมีกลุ่มเป้าหมายขนาดใหญ่ที่ค่อนข้างแน่นอน แต่บางเกมก็ไม่ได้จำเป็นมากนักที่คนมาดูจะต้องเคยเล่นเกมมาก่อนถึงจะรู้เรื่อง อย่างเช่นหนังเรื่อง ‘Monster Hunter’ (ที่ชื่อไทยไม่ต้องตั้งใหม่ เอาทับศัพท์ไปเลย มอนสเตอร์​​ ฮันเตอร์’) เรื่องราวของโลกสองใบที่นางเอกจากโลกเราได้ก้าวข้ามไปสู่โลกใหม่แล้วเจอกับเหล่าสัตว์ประหลาด

ผลงานจากผู้กำกับอย่าง Paul W.S. Anderson ชายผู้สร้างมาแล้วทั้ง ‘Resident Evil’ หลายภาค, ‘Pompeii’, ‘The Three’ ‘Musketeers’ และ ‘Death Race’ ใครได้ดูผลงานของเขามาทุกเรื่องนี้ คงพอจะเข้าใจสไลต์ของผู้กำกับคนนี้ได้ดี ส่วนผมเองก็เช่นกัน ดูหนังของเขามาหลายเรื่อง และก็ไม่เคยได้เล่นเกมนี้มาก่อน เพราะฉะนั้น ก่อนดูหนังเรื่องนี้

เป็นภาพยนตร์แนวแอ็คชั่นทางการทหาร แฟนตาซี ระทึกขวัญ สัตว์ประหลาด สร้างจากแฟรนไชส์เกมขายดีในชื่อเดียวกันของแคปคอม เขียนบทและกำกับโดย พอล ดับบลิว.เอส. แอนเดอร์สัน ผู้กำกับที่อยู่เบื้องหลังผีชีวะเกือบทุกภาค ยกเว้นภาค 3 นั่นเอง นำแสดงโดย มิลล่า โจโววิช, จา พนม, ดิเอโก โบเนต้า สตูดิโอโดย เทนเซนต์ของจีน โตโฮของญี่ปุ่น คอนสแตนติน ฟิลม์ของเยอรมัน และโซนี่ พิคเจอร์ของอเมริกา ดูหนังออนไลน์

 

รีวิวหนังMONSTER HUNTERมอนสเตอร์ ฮันเตอร์

 

ผ่านไปแล้วกว่า 3 ปี นับตั้งแต่จากปี 2559 แฟรนไชน์ RESIDENT EVIL หรือ ผีชีวะ กวาดรายได้ไปกว่า 1200 ล้านเหรียญสหรัฐ และครองตำแหน่งภาพยนตร์ที่สร้างจากเกมสูงสุดได้จบลงไป แม้จะมีคำวิจารณ์และคำกร่นด่าของแฟนเกมส์ก็ตาม จนตอนนี้ภาครีบู๊ตที่ได้ถ่ายทำเสร็จก็กำลังจะได้ฉายในปีหน้า

แต่ทางค่ายหนังและพอล ดับบลิว.เอส. แอนเดอร์สัน ผู้กำกับก็ขอหยิบเกมแนวแอ็คชั่น อาร์พีจีชื่อดัง อย่าง มอนสเตอร์ ฮันเตอร์ มาดัดแปลงลงจอเงิน สานต่อความสำเร็จด้วยความหลงใหลและความชื่นชอบของตัวพอลเอง ทำให้เขาติดต่อกับค่ายเกมเพื่อสร้างหนังอสูรยักษ์ให้เป็นจริง

แน่นอนว่าการจะได้นักแสดงนำจำเป็นต้องได้คนที่มีคิวบู๊เพียบพร้อม ซึ่งก็คงเป็นใครอื่นไม่ได้อีก นอกจาก มิลล่า โจโววิช ภรรยาของเขาที่ทุกคนจดจำได้จากแฟรนไชน์ผีชีวะในบทของ อลิส ได้กลับมารับบทนำร่วมกับ ซูเปอร์สตาร์ชาวไทยเจ้าของวลีเด็ดอย่าง “ช้างกูอยู่ไหน” จา พนม ที่เคยไปฟาดฟันในวงการฮอลลีวู้ดมาแล้วใน เร็ว..แรงทะลุนรก 8 มาคราวนี้เขาจะพาเราไปล่าแย้ยักษ์กัน ที่เราพอจะรู้จักอยู่บ้างอีกคนก็คือ ดิเอโก โบเนต้า จากฅนเหล็ก : วิกฤตชะตาโลก ที่สวมบทเป็นทหารร่วมรบกับมิลล่า โจโววิช นอกจากนั้นผมก็ไม่รู้จักใครเลย ดูหนังฟรี

 

รีวิวหนังMONSTER HUNTERมอนสเตอร์ ฮันเตอร์

 

รีวิวหนังMONSTER HUNTERมอนสเตอร์ ฮันเตอร์ เนื้อเรื่อง/เรื่องย่อ

 

เพราะพายุฝุ่นฟ้าคะนองอันน่าหวาดหวั่นนั่นทีเดียวที่ทำให้ อาร์ทมีส (Milla Jovovich จากหนังเรื่อง ‘Resident Evil’ ทุกภาค, ‘The Fifth Element’ และ ‘The Fourth Kind’) สาวเท่สายทหารหัวหน้าทีมฟอลคอนที่ตามหาทีมบราโว่ที่หายไป จึงได้ก้าวข้ามไปยังโลกใหม่ (The New World) ที่ไม่คุ้นเคย

ที่นั่นเป็นดินแดนที่รกร้างไม่ต่างจากโลกที่เธอจากมา แต่ที่นั่นมีสัตว์ประหลาดขนาดยักษ์อาศัยอยู่ (ซึ่งเราจะเรียกพวกมันว่า ‘มอนสเตอร์’ ก็แล้วกัน) สุดท้าย มอนสเตอร์ก็ได้สังหารลูกน้องของเธอไปจนหมด แต่ก็ทำให้เธอได้ทำความรู้จักกับชายหนุ่มผู้เก่งกาจและอยู่รอดได้ในโลกอันโหดร้ายเช่นนั้น

เขาคือ ฮันเตอร์ (Tony Jaa/จา พนม จากหนังเรื่อง ‘องค์บาก’, ‘ต้มยำกุ้ง’ และ ‘xXx: Return of Xander Cage’) ที่พลัดพรากจากครอบครัวมาใช้ชีวิตอยู่อย่างโดดเดี่ยวเฝ้ารอวันจะได้รวมกลุ่มอีกครั้ง ดูหนังออนไลน์

 

 

คราวนี้ ทั้งสองคนจากคนละโลกจะต้องร่วมมือกันฝ่าฟันไปถึงยังป่าโอเอซิสเป้าหมาย ด้วยจุดประสงค์ของคนสองคนที่แตกต่างกัน

กองทัพสหรัฐที่นำโดย กัปตันหญิง นาตาลี อาร์ทีมิส หัวหน้าทีมทหารชั้นยอดแห่งสหประชาชาติ ได้ลงพื้นที่ไปสืบหาการหายตัวของหน่วยทหารอัลฟ่าที่หายไประหว่างการทำภารกิจ ณ ทะเลทรายแห่งหนึ่ง ทว่า ที่นั่น พวกเขากลับถูกประตูมิติแกนวาร์ปส่งเข้ามาอีกโลก ที่ซึ่งมีอสูรกายยักษ์ที่อาวุธระดับกองทัพยังไม่อาจทำอะไรได้

ท่ามกลางกองทหารที่ถูกเล่นงานทีละคน พวกเขาได้พบว่าในโลกนี้มีนักล่าอสูรปริศนาที่มีทักษะพิเศษเรียกว่า ฮันเตอร์อยู่ พวกเขาจึงต้องร่วมมือกับนักรบต่างโลก เพื่อ ต่อสู้ เอาชีวิตรอด และฟาดฟันกับอสูรกายนานาพันธุ์ เพื่อกลับสู่โลกของพวกเขาให้ได้ พร้อม ๆ กับไขปริศนาต้นตอของเหตุการณ์ทั้งหมดที่อาจพลิกชะตาทั้งสองโลกได้ ดูหนังฟรี

 

 

ความรู้สึกหลังดูหนังMONSTER HUNTERมอนสเตอร์ ฮันเตอร์

 

เป็นไปตามที่คาดการณ์ครับ หนังมาเพื่อมอบฉากแอ็คชั่นตลอดชั่วโมงครึ่งล้วน ๆ เนื้อเรื่องแทบไม่ไปไหนเลย เรื่องราวทั้งหมดก็ตามที่ผมเล่าตั้งแต่ต้นนั่นแหละ สำหรับคนที่เล่นเกมมาบ้างก็พอเข้าใจเรื่อง มันไม่ได้ห่วย แต่ปัญหาคือ เนื้อเรื่องมันบาง ทำให้องก์ของหนังมันยืดมาก ๆ ช่วงองก์ที่ 1 กับ องก์ที่ 2 คือวนอยู่กับแนวสยองขวัญหนีตายเสริมด้วยดราม่าของตัวละครที่ชวนหลับและแทบจะไม่ไปข้างหน้าเลย

ชคดีที่ตัวอย่างหนังเอาองก์ต้นมาทำเป็นตัวอย่างแล้ว 80 เปอร์เซนต์ ทำให้พอเข้าสู่องค์ที่ 3 จะเป็นช่วงที่ใครเล่นเกมมาน่าจะชอบขึ้นมาบ้าง เช่นผม เพราะมันเป็นฉากที่มีความใกล้เคียงกับในเกมมากที่สุด ฉากแอ็คชั่นระทึกดีมั้ย อยู่ในระดับที่พอว้าว พอตกใจ พอระทึกอยู่ โดยเฉพาะอสูรกายที่เอามาจากเกมและดัดแปลงให้น่าสะพรึง

ตั้งอยู่บนโลกภาพยนตร์ และมีบทบาทที่ชัดเจน ตัวละครที่เด่นสุดอยู่ในโปสเตอร์แล้วอย่างมิลล่า กับ จา พนม คือเด่นที่สุดแล้ว มีมุกตลกตบกันไปมา เคมีก็เข้ากันมากแบบไม่น่าเชื่อ ในขณะที่ตัวละครที่เหลือเอามาเพื่อให้รู้ว่านี่เป็นกองทัพสหรัฐนะ หนังขายมอนสเตอร์กับภรรยาผู้กำกับตามเคยครับ ดูรีวิวหนังสุดมันได้ที่นี่

 

 

ด้วยความที่ดูสนุก อสูรกายที่ออกมาจึงยิ่งใหญ่และน่าตกตะลึงมาก อย่าง เดียอาโบ ราทาลอส และอีกกว่าสิบชนิดที่แฟนเกมจะได้เห็นในหนังเรื่องนี้ ยังไม่รวมกับตัวละครจากในโลกเกมที่ได้มามีชีวิตในหนังด้วย แต่หนังก็มีพลอตโฮลมากมาย ตั้งแต่ในตัวอย่างที่ดูท่าจะตัดออกไม่ได้แล้ว ใส่ความฉับไวของเรื่องเข้าไป เราจึงได้หนังที่เรารู้สึกอีหยังวะในแง่ของฉากต่อสู้ระยะประชิดที่ไม่รู้มันจะตัดไปตัดมาอะไรของมัน อารมณ์ระดับ อวสานผีชีวะเลยครับ ตัดฉึบไปมาให้เท่ ๆ

แต่แทบจับต้องอะไรไม่ได้เลย ไม่รวมกับการที่ตัวละครหลักอย่าง อาร์ทีมิสที่แบกทั้งเรื่อง แบกฉากแอ็คชั่น แบกฉากตลก เด่นที่สุดในเรื่อง เด่นแบบเอ้อ ถ้าเป็นคนอื่นคือไม่น่ารอด การวางท่วงท่าการต่อสู้ที่ไม่มีศิลปะแบบในเกมที่มีท่วงท่าสวยงาม กลับมีเพียงกระโดด ฟาด ฟัน ยิง แบบหนังมอนสเตอร์ทั่วไป ที่พอจะอุ่นใจได้บ้างคือการที่ได้เห็นสถานที่ หรือวัตถุดิบจากเกมบางส่วนได้เข้ามามีส่วนร่วมในเนื้อเรื่อง

ถ้าถามว่าในเรื่องนี้ บทพูดของ จา พนม เป็นยังไงบ้าง ก็คงต้องบอกได้ว่า ผมไม่รู้เลยว่าเขาพูดอะไรหรอกครับ ภาษาอะไรที่เขาพูดผมก็ไม่รู้ มันเป็นภาษาของโลกใบนั้นที่ตัวมิลล่าเองก็ฟังไม่ออก สิ่งที่เราฟังออกจากปากเขาก็คือ ตอนที่เขาเอ่ยชื่อมอนสเตอร์แต่ละตัวนั่นแหละ

ทั้งสองมักสื่อสารกันด้วยสีหน้าท่าทาง ซึ่งจุดนี้ จา พนม ทำได้ดี ด้วยภาษาท่าทาง สีหน้า แววตา กลายเป็นโบ๊ะบ๊ะได้เรื่องจนคนดูฮาได้เรื่อยๆ เคมีระหว่าง มิลล่า กับ จา พนม ถือว่าเข้าทีและเข้ากันได้ดี แม้จะเล่นมุกช็อคโกแลตกันบ่อยไปนิด แต่หนังก็เพลินไปต่อได้ไม่น่าง่วงอย่างที่หวั่น

โดยรวมของหนังเรื่องนี้ มันมีเนื้อเรื่องน้อยมากครับ แถมตัวละครช่วงกลางเรื่องนี่แทบจะเล่นกันสองตัว แถมจู่ๆ จะมีตัวเพิ่มก็ใส่เข้ามาไม่ต้องบอกต้องเล่าว่าพวกเขาชื่อเรียงเสียงไรกันบ้าง บอกเป็นนัยว่าไม่ต้องไปจดจำ ช่วงท้ายคือจัดกันมาโบ้มๆ ไปเลยกับฉากแอคชัน

 

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *